ครูสาวเครียดเด็กหญิงม.2 ย่องฉกเงิน 7 แสนหวั่นคู่กรณีไม่ชดใช้คืน

ครูสาวเครียดเด็กหญิงม.2 ย่องฉกเงิน 7 แสนหวั่นคู่กรณีไม่ชดใช้คืน





ad1

อุทัยธานี-ครูสาวเครียด!!ถูกเด็กนักเรียนหญิง ม.2 เข้ามาลักเงินในห้องนอน 7แสนบาทไป นำไปซื้อไอโฟนแจกเพื่อน หวั่นคดีไม่คืบเนื่องจากคู่กรณีเป็นเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมและไม่ได้ชดใช้

นางรุ่งรัตน์ โชคชัย อายุ 42 ปี  บ้านหินโหง่น เลขที่ 33/3 ม.2 ต.ห้วยคต จ.อุทัยธานี เป็นครูสอนชั้น ป.5 อยู่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในอำเภอห้วยคต เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมนางวัฒนา โชคชัย อายุ 59 ปี  ซึ่งเป็นแม่ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ พ.ต.ต.ดิเรก เอี่ยมเล่ พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยคต อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี 

โดยเหตุเกิดเมื่อ วันที่ 18 พ.ย 2566 ได้มีด.ญ. พลอย (นามสมมุติ อายุ 14 ปี อยู่ชั้นนักเรียน ม.2 อยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอห้วยคต ซึ่งมีบ้านติดกัน ได้ฉวยโอกาสได้เดินเข้าไปข้างหลังบ้าน เพื่อเข้าไปลักทรัพย์เข้าไปในร้านค้า เพื่อเข้าไปภายในห้องนอน อาศัยลับตาคน แล้วไปหยิบเงินที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าห่อด้วยผ้าขาว ซึ่งอยู่ในบริเวณโต๊ะใต้ชั้นล่าง นำเงินจำนวน 700,000 บาทไป  หลังจากนั้นนำไปแบ่งแยกให้กับพรรคพวกนักเรียนด้วยกัน  โดยทางจนท.ตำรวจได้รับคำแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.ห้วยคต ในวันที่ 28 พ.ย.66 โดยทางน้องพลอย ได้ออกมายอมรับสารภาพว่าเป็นคนเข้าไปลักเงินไปจริง

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของครู ชื่อนางสาวรุ่งรัตน์ โชคชัย พร้อมกับแม่ชื่อนางวัฒนา โชคชัย ได้เปิดเผยว่าตนเองเป็นครูอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้พักอาศัยอยู่กับแม่นางวัฒนา  พร้อมบุตร และหลาน โดยเปิดร้านขายของชำ อยู่ริมถนน บ้านหินโหง่น ต.ห้วยคต อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี โดยแจ้งความไว้เป็นหลักฐานไว้ที่สภ.ห้วยคต ไว้เป็นที่เรียบร้อย

พร้อมกับเปิดเผย ว่าก่อนหน้านี้ ด.ญ.พลอย (นามสมมุติ)  เคยก่อเหตุเข้าไปลักขโมยที่ในร้านค้าแล้วครั้งหนึ่ง ช่วงเดือน ต.ค.66 ที่ผ่านมา โดยมีแม่นางวัฒนา อยู่บ้านเพียงลำพัง พร้อมกับนั่งเลี้ยงเด็กอยู่บนแคร่ โดยน้องพลอย ได้อาศัยย่องเดินไปที่หลังบ้าน ซึ่งติดอยู่กับร้านค้าหรือบ้านของตนเอง หลังจากนั้นได้เดินเข้ามาที่ร้านค้า ทำท่าเข้าไปซื้อของภายในร้าน พอลับตาคน น้องพลอย ก็ได้แอบหยิบเงินที่ใส่ไว้ในกระติกเก็บเงินไป ด้วยจำนวนเงิน 2,000 บาท ระหว่างนั้นทางครอบครัวตนเองจับได้ น้องพลอย ก็ได้ยอมรับว่าเอาไปจริง โดยขอคืนเงินให้กับตนเองทั้งหมด โดยทางตนเองและครอบครัวไม่เอาเรื่อง และก็ได้ตักเตือนไปในครั้งนั้น

จนกระทั่งล่าสุดวันที่ 18 พ.ย.66 ที่ผ่านมา น้องพลอย ก็ได้อาศัยย่องเข้ามาทางหลังบ้าน แล้วก็ทำท่ามาซื้อของภายในร้านค้าเช่นเดิม แต่จังหวะนั้นภายในร้านของตนเอง มีเพียงนางรุ่งรัตน์ หรือครู ได้เลี้ยงหมาอยู่ริมถนนอยู่ที่บริเวณหน้าร้าน พร้อมกับลูกชายของตนเองก็อยู่ที่ริมถนนด้วย แต่ไม่มีคนอยู่ภายในร้านค้าของตนเอง พร้อมกับแม่ของตนเองก็ไม่อยู่บ้านซึ่งออกไปทำงานที่นา จังหวะนั้นน้อง พลอย ก็ได้อาศัยจังหวะนั้นย่องเข้าไปภายในร้านค้า เพื่อเข้าไปภายห้องนอน แล้วไปค้นหาสิ่งของจนไปเจอเงินที่ซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าใบหนึ่ง เงินห่อด้วยผ้าขาวแอบไว้ใต้ตู้ น้องพลอย อาศัยช่วงนั้นลับตาคนหยิบเงินรวมทั้งหมด 700,000 บาทไป จนมาทราบภายหลัง ว่าตัวน้องพลอย เอง ได้ยอมรับว่าเอาไปจริง โดยนำเงินทั้งหมดไปให้กับพวกเพื่อน พร้อมกับไปซื้อมือถือไอโฟนให้กับเพื่อนรวมจำนวนหลายเครื่อง จนเงินไม่เหลือ

สืบเนื่องก่อนหน้านี้ ได้มีชาวบ้านมาเล่าให้ฟังและทางเพื่อนของน้องพลอย  ที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนด้วยกัน ส่งภาพมาให้ดู เนื่องจากน้องพลอย  ได้ใช้เงินอย่างสะพัด จนเป็นที่น่าผิดสังเกตุ กระทั่งตนเองเข้าไปตรวจสอบเงินและสิ่งของภายในบ้าน หวั่นว่าน้องพลอย จะเข้ามาก่อเหตุเหมือนเคย จนล่าสุดตนเองพบเงินของตนเองและแม่ของตนเอง หายไปจริงรวมเงินทั้งหมด 700,000 บาท ในวันที่ 18 พ.ย.66 จนมาทราบภายหลังในวันที่ 22 พ.ย.66 จนตนเองได้ติดตามหาตัวน้อง พลอย ซึ่งเคยมีพฤติกรรมเคยลักเงินในร้านของตนเองไปก่อนหน้านี้ จึงได้เข้าสอบถามกับน้องพลอย ว่าได้เข้ามาในร้านมาเอาเงิน 700,000 บาท ไปไหม ภายในห้องนอนในร้านค้า

น้องพลอย ได้ยอมรับสารภาพว่าเอาไปจริง ตนเองพร้อมแม่ของตนเองได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ต.อดิเรก เอี่ยมเล สว.สอบสวน สภ.ห้วยคต ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อติดตามหาตัวน้องพลอย และพรรคพวก ที่ได้นำเงินของตนเองไป เพื่อนำเงินที่เหลือ หรือทั้งหมดมาคืน ตนเอง เนื่องจากทางตนเองและครอบครัวได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากเป็นเงินเก็บส่วนหนึ่งและกู้ชาวบ้านมาส่วนหนึ่งรวมเงินทั้งหมด 700,000 บาท โดยทางตนเองและแม่จะนำเงินทั้งหมดไปชำระหนี้สิน เพื่อไถ่ถอนที่ดินดังกล่าว เนื่องจากตนเองและครอบครัวทุกข์ใจมาก จึงได้เข้ามาร้องสื่อขอความเป็นธรรมเนื่องจากคู่กรณีนั้นเป็นเด็กไม่ถึงอายุ 18 กลัวจะหาความเป็นธรรมไม่ได้ และจะไม่ได้เงินคืนกลับมา จึงฝากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้ความยุติธรรมกับตนเองและครอบครัวด้วยในครั้งนี้

ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปติดตามนำโทรศัพท์ไอโฟนได้คืนมาทั้งหมด 11 เครื่อง โดยให้เจ้าของร้านมารับซื้อคืน เพื่อนำเงินส่งคืนเจ้าของ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเงินมาคืนให้กับตนเองจำนวน 1 แสน 2 หมื่น ส่วนทีเหลือเงินอีก 5 แสน 8 หมื่น ยังไม่ได้คืน ซึ่งตนเองได้ติดตามสอบถามกับ พนักงานสอบสวน  มาตลอด แต่ก็ได้รับคำตอบจาก พนักงานสอบสวน ว่าในส่วนที่จะไกลเกลี่ย กับผู้ปกครองนั้น ต้องให้ตนเองไปจ้างทนายความมาฟ้องร้องเอา ในส่วนคดีทางตำรวจได้เรียกเด็กหญิงมาสอบปากคำเพื่อดำเนินตามกฏหมายเด็กต่อไป