เอกชนสงขลาค้านเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่หวั่นกระทบเศรษฐกิจการค้า"ด่านนอก"ชายแดนไทย-มาเลเซีย

เอกชนสงขลาค้านเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่หวั่นกระทบเศรษฐกิจการค้า"ด่านนอก"ชายแดนไทย-มาเลเซีย





Image
ad1

ที่โรงแรมเอ็มบีไอรีสอร์ท บ้านด่านนอก เทศบาลตำบลสำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา กลุ่มผู้ประกอบการต่าง ๆ ในพื้นที่ ประมาณ 300 คน ประชุมหารือถึงความต้องการในแนวทางการเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่  ที่จะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่มูลค่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเศรษฐกิจการค้ารายใหญ่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ระหว่าง อ.สะเดา จ.สงขลา กับรอยต่อบ้านบูกิตกายูฮีตัม รัฐเคดาห์ มาเลเซีย

ดร.สิทธิพงศ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ สงขลา ในฐานะ ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการด่านนอก กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางด่านศุลกากร ไม่เคยเปิดพื้นที่ให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการออกแบบเส้นทางเชื่อมระหว่างประเทศ  ทำให้การเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ตามแนวเส้นทางที่รัฐบาลได้เสนอกับทางมาเลเซียเมื่อเดือน พฤษภาคม 2566 จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมากในพื้นที่ด่านนอก เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา รอยต่อบ้านบูกิตกายูฮีตัม รัฐเคดาห์ มาเลเซีย จึงขอให้ทางรัฐได้ทบทวนแนวทางการเปิดใช้งานด่านสะเดาแห่งใหม่

โดยขอให้เปิดใช้งานด่านสะเดาแห่งใหม่สำหรับรถบรรทุก และคงเปิดใช้งานด่านศุลกากรสะเดาปัจจุบัน ไว้สำหรับรถนักท่องเที่ยว เพื่อรองรับสองอตุสาหกรรมที่ขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีพื้นที่และเศรษฐกิจภาพรวม จ.สงขลา ทั้ง 2 กลุ่ม

ทางด้าน นายเกชา เบญจคาร อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา  กล่าวว่า สมัยที่ดำรงตำแหน่งทางด่าน ได้มาขอมติจากสภาฯ เพื่อขอใช้พื้นที่ด่านศูลกากรสะเดาแห่งใหม่  โดยทางด่านย้ำกับว่า ด่านใหม่ศุลกากรเพื่อการขนส่ง และด่านปัจจุบันจะไม่ปิดให้บริการ และจะเปิดให้ใช้งานสำหรับรถยนต์นักท่องเที่ยวสภาฯ จึงได้อนุมัติในหลักการเห็นชอบให้ใช้พื้นที่แปลงดังกล่าวในการสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่

“จึงเรียกร้องขอให้ด่านศุลกากร ดำเนินการตามที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้  ไม่ควรหลอกประชาชน ซึ่งจะเกิดความเสียหายกับพื้นที่เป็นอย่างมาก”

ด้านนางณัฐชา แซ่เตียว  นายกสมาคมผู้ประกอบการรักษ์ด่านนอก  กล่าวว่า การเปิดใช้งานของด่านศุลกากร จะต้องเปิดแบบคู่ขนานทั้งด่านเดิมและด่านใหม่ โดยด่านเดิมให้เป็นเส้นทางของรถยนต์ทั่วไป และด่านใหม่ให้เป็นเส้นทางของรถบรรทุก  ส่วนการเปิดช่องให้เลี้ยวเข้าด่านเดิมทางด้านขาเข้าประเทศไทยนั้น ก็ไม่มีอะไรมาการันตีว่าจะเปิดให้บริการอย่างถาวร

“ตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว ถึงการย้ายด่านปาดังเบซาร์ เทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา รอยต่อปาดัเบซาร์ รัฐปะลิส มาเลเซีย ชายแดนไทย มาเลเซีย ไปเปิดที่ใหม่  โดยในช่วงแรกมีการเปิดช่องขาวแดง ที่คนนิยมเดินทาง  แต่ต่อมาภายหลังมีการปิดช่องขาวแดง ทำให้เศรษฐกิจเมืองปาดังเบซาร์ อ.สะเดา  ตาย  จึงไม่อยากให้ด่านนอกเป็นเช่นปาดังเบซาร์ ขอให้รัฐได้ทบทวนตรงนี้ด้วย  ทั้งนี้ทางกลุ่มยื่นเสนอข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ลงมาตรวจเยี่ยมด่านสะเดา เพื่อให้ได้รับทราบข้อเท็จจริง ถึงความต้องการจากภาคเอกชน”

แถลงการณ์เรื่อง 
“คัดค้านการเปิดให้บริการด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ตามที่รัฐได้มีการนำเสนอต่อทางการมาเลเซีย เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566”

จากปริมาณจำนวนรถบรรทุกขนสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น ทางกรมศุลกากร ได้เล็งเห็นถึงการพัฒนาศักยภาพการขยายด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2539 และได้มีการเริ่มเวนคืนที่ดินสำหรับก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2558 พร้อมอนุมัติงบประมาณก่อสร้างในปี พ.ศ.2559 ก่อนสร้างเสร็จในปี พ.ศ.2562 แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้

จากการติดตามข่าวสารการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ พบว่าปัญหาที่ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เนื่องจากไม่มีทางเชื่อมออกไปยังประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้ทางฝั่งไทยต้องปรับกลยุทธ์ในการเปิดใช้งานด่านศุลกากรสะเดาใหม่ ทางฝั่งไทยจึงพยายามที่จะเร่งจัดทำเส้นทางเดินรถเชื่อมโยงประเทศมาเลเซียกับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ เพื่อเสนอต่อทางประเทศมาเลเซีย ได้พิจารณาการทำเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างด่านศุลกากรแห่งใหม่กับประเทศมาเลเซีย นับตั้งแต่มีการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ได้เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงข้อเสนอแนะทั้งสถานที่ก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดา รวมถึงเส้นทางการเดินรถเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจในพื้นที่ แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง

ทางกลุ่มผู้ประกอบการขอเรียนชี้แจงว่า ตั้งแต่กระบวนการสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ไปจนถึงกระบวนการเสนอเส้นทางแนวถนนเชื่อมต่อประเทศมาเลเซียกับด่านศุลกากรสะเดาใหม่ ทางภาคเอกชนไม่มีโอกาสเข้าไปร่วมรับฟังหรือเสนอความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น

ทั้งๆที่การตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางการเดินรถ ย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างมหาศาลประเมินมูลค่าไม่ได้

ทางกลุ่มฯ สนับสนุนให้มีการเปิดใช้งานด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวทางด้านการขนส่งสินค้า มิได้ต่อต้านการเปิดใช้งานด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่อย่างใดๆ แต่เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจในพื้นที่ที่มีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทไม่ให้เสียหาย และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.สงขลา และการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ

จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาดังนี้ 1.ทบทวนเส้นทางการเชื่อมต่อระหว่างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับประเทศมาเลเซียใหม่ 2.ดำเนินกำรเปิดใช้งานด่านศุลกำกรสะเดาแห่งใหม่ สำหรับรองรับกำรขนส่งสินค้ำเท่านั้น  และคงการเปิดใช้งานด่านศุลกำกรสะเดาหลังปัจจุบันสำหรับรองรับรถยนต์ส่วนบุคคลและรถทัวร์ บัส เพื่อรองรับกำรท่องเที่วของ จ.สงขลา 3.แต่งตั้งตัวแทนผู้ประกอบการเข้าไปมีส่วนร่วมในการรับทราบและเสนอข้อมูล ในส่วนที่จะมีผลกระทบกับภาคเอกชน โดยเฉพาะในด้านการวางแผนกำหนดเส้นทางเดินรถระหว่างด่านศุลกากรสะเดาแห่ง ใหม่กับประเทศมาเลเซีย

ทางกลุ่มฯ ขอยืนยันอีกครั้งว่าเราไม่ได้คัดค้านการเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ แต่เราต้องการให้การดำเนินการเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่เป็นไปอย่างราบรื่นและไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางรัฐบาลจะรับพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนทั้งด้านเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่
ด้วยความเคารพอย่างสูง กลุ่มผู้ประกอบการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสงขลา (ด่านนอก).

โดย...อัสวิน ภักฆวรรณ