48 ชม.ไล่ล่าระทึก!รวบ"เอส คอลาย"เดนทรชนในคราบ"พ่อเลี้ยง"บังคับด.ญ.12 ปี หนีออกจากบ้าน

48 ชม.ไล่ล่าระทึก!รวบ"เอส คอลาย"เดนทรชนในคราบ"พ่อเลี้ยง"บังคับด.ญ.12 ปี หนีออกจากบ้าน





ad1

สืบนครบาล และสืบ110 จับกุมตัวนายวีรยุทธฯ หรือ “เอส คอลาย” อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 113/2566 ลงวันที่ 25 พ.ค. 66 ข้อหา “ความผิดเกี่ยวกับเพศ” โดยจับกุมตัวได้ที่ ภายในซอยตลาดวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯ

เจ้าหน้าที่ พบประวัติต้องโทษคดีอาญา 13 คดี เช่น เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1, ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1, ลักทรัพย์, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ชิงทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์, และกระทำพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารฯ

พฤติการณ์ คือ นายวีรยุทธฯ หรือ “เอส คอลาย” เดนทรชนในคราบ “พ่อเลี้ยง” ซึ่งเจ้าตัวไม่เพียงแต่ติดยาเสพติดอย่างงอมแงม แต่ยังพ่วงความวิปริตจิตหมกมุ่นแต่ในเรื่องกามอารมณ์ เป็นสาเหตุที่มาของเรื่องราวอันแสน “หดหู่” ของเด็กหญิงอายุ 12 ปี และครอบครัว โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องราว เริ่มตั้งแต่ ปี 2562 ที่เดนทรชนรายนี้ได้เริ่มเข้ามาคบกับ น.ส.เอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ซึ่งหญิงสาวรายนี้มี “ลูกติด” ชื่อ ด.ญ.ส้ม (นามสมมุติ) อายุเพียง 8 ปี ในเวลานั้น ซึ่งแรกเริ่มที่ “เอส คอลาย” ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว น.ส.เอ๋ นั้นก็ดูเป็นครอบครัวที่ปกติทั่วไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป ด.ญ.ส้ม ได้เจริญเติบโตขึ้นเข้าสู่ช่วงอายุ 11 ปี ได้มีผู้เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของครอบครัวนี้ โดยจะมักเห็นพฤติกรรมของเดนทรชนรายนี้ มีความสนิทสนมกับ ด.ญ.ส้ม มากเกินกว่าพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยง มีการหยอกล้อในเชิงชู้สาวกับ ด.ญ.ส้ม อยู่เป็นประจำ

กระทั่งในปี 2565 เรื่องราวสัมพันธ์สวาทที่ผิดศีลธรรมก็ได้แดงขึ้น เมื่อเจ้าตัวแสดงอาการหมดรัก น.ส.เอ๋ และพา ด.ญ.ส้ม ไปกินอยู่ด้วยฉันสามีภรรยาอย่างโจ่งครึ้ม ชนิดที่ว่าไม่อายฟ้าดิน โดยตลอดการพาไปอยู่กินด้วยจะใช้ความเป็นเด็กของ ด.ญ.ส้ม “ล้างสมอง” ให้เกลียดแม่ตัวเอง ให้ลาออกจากโรงเรียน และให้ตกเป็นธาตุกามอารมณ์ของตนเอง โดยไม่สนอนาคตของเด็กแต่อย่างใด กระทั่งในปัจจุบัน ด.ญ.ส้ม ไม่เรียนหนังสือและออกเร่ร่อนไปกับพ่อเลี้ยงเดนทรชนรายนี้อย่างสุดเวทนา โดยเธอเข้าใจว่านี่คือรักแท้ จนในปัจจุบันครอบครัวของ น.ส.เอ๋ และ ด.ญ.ส้ม เรียกได้ว่าตายทั้งเป็น โดยล่าสุดเดนทรชนรายนี้ได้พาตัว ด.ญ.ส้ม ออกไปจากบ้านอีกครั้งและพาไปร่อนเร่ “บังคับเสพยาเสพติดและลงมือกระทำชำเรา” ด.ญ.ส้ม

ซึ่ง น.ส.เอ๋ ผู้เป็นแม่ทราบเรื่องถึงกับใจสลาย ทั้งพยายามติดต่อ ตามหา แต่พ่อเลี้ยงเดนทรชนก็ยังนำโทรศัพท์มือถือของ ด.ญ.ส้ม ไปขาย เพื่อนำมาซื้อยาเสพติดมาเสพ น.ส.เอ๋ ไร้ทางออกโพสต์ข้อความประกาศตามหา ด.ญ.ส้ม จนกลายเป็นไวรัล ซึ่งประชาชนต่างช่วยกันแชร์และติดตาม

ซึ่งเรื่องนี้ก็ถึงหู พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หรือ “ผู้การจ๋อ” ส่งมือดีชุดสืบนครบาล และสืบ 110 ติดตามไล่ล่าเดนทรชนรายนี้ทันที โดยทราบเพียงเบาะแสว่า เดนทรชนรายนี้ได้พา ด.ญ.ส้ม มาเสพยาภายในชุมชนแห่งหนึ่งย่านธนบุรี พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ส่งกำลังลงพื้นที่ชุมชนต้องสงสัยแบบราบเป็นหน้ากลอง แต่ด้วยสมรภูมิที่คนร้ายได้เปรียบจึงสามารถหลบหนีชุดสืบสวนไปได้ทันควัน เล่นเอาชุดสืบสวนต้องคว้าน้ำเหลวในค่ำคืนแรก

หากแต่ชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งกับอีกหนึ่งครอบครัวที่เฝ้ารอความหวังจากเจ้าหน้าที่ กระตุกจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้และสัญชาติทยาน “หมาล่าเนื้อ” ชุดสืบสวนไล่ล่าติดตามร่องรอยเดนทรชนจนถึงรุ่งเช้าเมื่อยามดวงอาทิตย์ขึ้นถึงคราว "ดวงโจรดับ" ชุดสืบตามกลิ่นจนพบ “รอยเท้า” เป็นเบาะแสจากแม่ค้ารายหนึ่งในตลาดวังหลังซึ่งเห็นคนร้ายเดินกับเด็กหญิงสาวโดยเด็กผู้หญิง “มีบาดแผลตามร่างกาย” ทำให้ระลึกถึงพฤติกรรมการชอบใช้ความรุนแรงในครอบครัวของเดนทรชนรายนี้ แม้เบาะแสจะดูเบาบางแต่สัญชาติทยานชุดสืบสวน “มั่นใจ” คือคนร้ายก่อนไล่ล่าติดตามไปอย่างระทึกกระทั่งไปจับกุมตัวได้ที่ ตลาดวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯ และสามารถช่วยเหลือ ด.ญ.ส้ม ได้สำเร็จ ก่อนที่จะถูกคนร้ายพาหนีลงไปทางภาคใต้