ช้อปดีมีคืนวันสุดท้ายขอนแก่นคึกคัก แห่ซื้อสินค้าทิ้งทวนแน่นทุกร้านคาดเงินสะพัดเกือบ 3,000 ล้านบาท

ช้อปดีมีคืนวันสุดท้ายขอนแก่นคึกคัก แห่ซื้อสินค้าทิ้งทวนแน่นทุกร้านคาดเงินสะพัดเกือบ 3,000 ล้านบาท





ad1

ขอนแก่น-ช้อปดีมีคืนวันสุดท้ายขอนแก่น คึกคัก นักช้อปแห่ช้อปปิ้งทิ้งทวนแน่นทุกร้าน ขณะที่หอการค้าคาดการณ์เงินสะพัดเกือบ 3,000 ล้านบาท วอนรัฐอัดเคมเปญทุกเทศกาล เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายตั้งแต่ระดับฐานรากจนถึงร้านค้าขนาดใหญ่ละให้ทุกคนเข้าระบบภาษีที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 15 ก.พ.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเลือกซื้อสินค้าในประเภทต่างๆตามโครงการช้อปดีมีคืน ตามที่รัฐบาลได้กำหนดแผนการดำเนินงานมาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. ซึ่งสามารถช้อปสูงสุด 40,000 บาท รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนจริง และคืนภาษีให้กับนักช้อปได้สูงสุด 14,000 บาท โดยบรรยากาศวันสุดท้ายของการดำเนินโครงการวันนี้พบว่ามีประชาชนชาวขอนแก่น ยังคงมาทำการเลือกซื้อสินค้าที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ที่ร้านค้าขนาดเล็กและขนาดใหญ่หลายแห่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่นอย่างคึกคัก รวมไปถึงการเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันที่พบว่าเป็น 1 ในสินค้าที่สามารถขอรับใบเสร็จรับเงินได้อีกด้วย

นายชาญณรงค์  บุริสตระกูล ประธานหอการค้า จ.ขอนแก่น กล่าวว่า การจำจ่ายเลือกซื้อสินค้าตามโครงการช๊ฝ้อปดีมีคืนครั้งนี้นั้นได้รับความสนใจจากชาวขอนแก่นอย่างมาก ดูได้จากการซื้อสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งบ้าน หรือแม้กระทั่งการเติมน้ำมันที่มีการขอรับใบเสร็จรับเงินนำไปลดหย่อนภาษี ประจำปี 2566 ซึ่งจะต้องยื่นขอชำระภาษีในปี 2567  กันอย่างคึกคักมากขึ้น และร้านค้าที่ให้บริการทุกร้านเข้าสู่ระบบการชำระภาษีที่มีการออกใบเสร็จรับเงินทั้งแบบกระดาษและแบบอิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งขึ้นด้วย

" ถือว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้ว ในการที่จะจัดระบบทั้งบุคคลและร้านค้าเข้าสู่ระบบภาษีเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายนการพัฒนาประเทศ ซึ่งระบบภาษีนั้นไม่น่ากลัวอย่างที่คิด และทุกคนสามารถที่จะเข้าถึงและเรียนรู้ได้ และที่สำคัญคือการเพิ่มระบบใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ที่รัฐบาลพยายามดำเนินการซึ่งโครงการที่ดำเนินการมานั้นและวันนี้วันสุดท้ายถือว่ามาตามแนวทางที่กำหนดอย่างชัดเจน ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าโครงการช้อปดีมีคืน ในวงเงิน 40,000 บาทนั้นเพียงพอแล้วเพราะรัฐบาลมีโครงการกระตุ้นภาพรวมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายมาอย่างต่อเนื่องและแทบทุกไตรมาสของปี"

ประธานหอการค้า จ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า ระยะเวลาในการดำเนินโครงการประมาณ 45 วัน มั่นใจว่าการจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าของคนขอนแก่นตามโครงการดังกล่าวจะมีเงินสะพัดเกือบ 3,000 ล้านบาท ดูได้จากหลายครอบครัวมีตู้เย็นใหม่,มีเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่,มีหม้อหุงข้าวใหม่,เครื่องปรับอาการใหม่,โต๊ะ,ตู้,เตียงนอน หรือแม้กระทั่งของใช้ที่จำเป็นส่วนตัวก็มีมาอย่างต่อเนื่อง ตามการใช้จ่ายที่ต้องการมบเสร็จมาลดหย่อยภาษี อย่างไรก๋ตามยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลนั้นกำหนดแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะเช่นนี้อย่างต่อเนื่องทุกปี ในวงเงินที่เหมาะสมแต่เพิ่มความถี่ในการดำเนินการเพื่อให้ประชาชนได้รู้จักการออม และเตรียมตัวที่จะใช้จ่าย ,ท่องเที่ยว หรือดำเนินกิจกรรมต่างๆที่เป็นประโยชน์และก่อให้เกิดรายได้ในระดับชุมชนครอบคลุมในระดับฐานราก ต่อเนื่องไปถึงอุตสาหกรรมต่างๆได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย