พ่อค้าแม่ค้าปราจีนฯยกมือท่วมหัวสาธุหลังแก๊งมาเฟียอินเดียปล่อยดอกโหดหนีหน้าตำรวจปมรุมยำเพื่อนร่วมชาติ


ปราจีนบุรี –เย้ยกฎหมายแขกอินเดียรุมทำร้ายเพื่อนร่วมชาติ 3 รุม 1 หลังเกิดเรื่อง ได้มีนักข่าว – ช่างภาพพยายามมาคอยดักบันทึกภาพ สอดส่อง หามาเฟียแขกอินเดีย ที่เข้ามาปล่อยหนี้นอกระบบ ให้จ่ายรายวัน หรือ การเข้ามาเอาเปรียบคนไทย จนแขกที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบหายหน้ากันทั้งตลาดนัดทุ่งโพธิ์ ตลาดนัดบ้านโคก รวม 3 วันแล้ว แม่ค้า พ่อค้าต่างพากันยกมือสาธุ ท่วมหัว ดีอกดีใจตาม ๆ กัน หวังให้ใครสักคนมาช่วยเหลือให้พ้นหนี้นอกระบบ จากมาเฟียแขกเหล่านี้ตาม ๆ กัน
จากที่มี นายมันตูซา อายุ 33ปี ชาวอินเดีย อาชีพขายเสื้อผ้า – มุ้ง ผู้เสียหายได้เดินทางไปที่ สภ.กบินทร์บุรี พร้อมด้วยนายเฉลิม เกียรติบรรจง อายุ 60 ปี พลเมืองดีชาว อ.กบินทร์บุรี ได้แจ้งความร้องทุกข์ในข้อกล่าวหาถูกรุมทำร้ายร่างกาย ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว ว่านายมันตูซา ชาวอินเดีย ได้ถูกกลุ่มชาวอินเดีย ข่มขู่ห้ามไม่ให้มาขายของในพื้นที่ อ.นาดี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี หากพบเข้าพื้นที่จะเอารถยนต์ไล่เหยียบ และใช้ปืนยิงให้ตาย ต่อมาวันที่ช่วงเย็น นายมันตูซา ได้ไปรับเสื้อผ้าที่นำไปซักรีดที่ร้านรับซักรีด หลังนิคมอุตสาหกรรมหนองกี่ อ.กบินทร์บุรี ได้ถูกลุ่มชาวอินเดีย รวม 3 คนรุมทำร้ายร่างกาย ใช้กำปั้นทุ๊บ-ตบตี และใช้หมวกกันน็อคตี ทั้งหน้าร้าน และ ในร้านซักรีด เบื้องต้นตำรวจ สภ.กบินทร์บุรีได้เรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ย แต่ฝ่ายผู้เสียหายนายมันตูซายืนยัน ให้ตำรวจดำเนินคดีจนถึงที่สุด จากนั้นได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.นาดี จ.ปราจีนบุรี อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ถูกกลุ่มชาวอินเดียมาข่มขู่ที่หน้าห้างสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในตลาดนัดบ้านทุ่งโพธิ์ อ.นาดี โดยคดีที่ สภ.นาดี จะนัดไกล่เกลี่ยวันที่ 12 ก.พ.66 นี้ ตามรายละเอียดที่นำเสนอโดยต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2566 ช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. สภ.กบินทร์บุรี ได้เชิญคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม โดยนายมันตูซา กล่าวว่า ตนให้การว่า ในช่วงเย็นวันที่ 4 ก.พ. 66 ในขณะที่ตนเองนำเสื้อผ้าไปซักรีดที่ร้าน “เจ๊นางซักรีด” ตลาดบ้านโคกอุดม ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้ถูกกลุ่มชายชาวอินเดีย จำนวน 3 คน เข้ามาทำร้ายตนเองที่บริเวณหน้าร้าน ตนเองจึงได้วิ่งหนีไปด้านในร้าน ผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ยังตามไปรุมทำร้ายต่อที่ในร้านอีก โดยตนเองไม่ได้ต่อสู้ได้แต่ปกป้องตัวเอง และยังพยายามที่จะลาก-ดึงตัวตนเองให้ไปขึ้นบนรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้าน
แต่ขณะนั้นได้มีผู้ชายเจ้าของร้านที่เห็นเหตุการณ์มาห้ามไว้ ที่ก่อนนี้ชาวอินเดียที่มาทำร้านตน ได้โทรมาข่มขู่ และมาพบตนเองที่ตลาดนัดบ้านทุ่งโพธิ์หน้าร้านเซฟเซ่น อ.นาดี ห้ามไม่ให้ตนเอง และเพื่อนชาวอินเดีย มาค้าขายในแถบตลาดบ้านโคกอุดม อ.กบินทร์บุรี อ.นาดี นี้ หากไม่เชื่อจะเอาปืนยิงให้ตายเอารถยนต์เหยียบ แต่ตนยังคงไปขายของตลาดบ้านทุ่งโพธิ์อ.นาดี , บ้านโคก อ.กบินทร์บุรี จึงถูกทำร้ายร่างกายยืนยันว่าตนเอง จะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวให้ถึงที่สุด ขณะนี้ตนเองอยู่ด้วยความหวาดระแวงเกรงว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวอาจจะมาดักทำร้ายตนเองอีก ส่วนฝ่ายคู่กรณี ที่รุมทำร้าย และกล้องวงจรปิดทางร้านซักรีดเสื้อผ้าบันทึกไว้ได้ เมื่อเห็นกลุ่มสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวได้พากันหลบหนี
ด้าน นายเฉลิม เกียรติบรรจง อายุ 60 ปี ที่พาแขกอินเดีย ผู้เสียหายไปขอความช่วยเหลือ และพามาแจ้งความ และร้องทุกข์ชาวบ้าน(อินเดีย)ผ่านสื่อ ได้กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมามีแขกอยู่ 2 คน ที่ขายผ้า ขี่รถเข้ามาหาผม ที่สำนักงาน ขอความช่วยเหลือว่าถูกทำร้าย สอบถามเป็นแขกมาจากอินเดีย ชื่อ นายมันตูซา กับ นายลาฮอสไปขายผ้าแถวตลาดนัดบ้านทุ่งโพธิ์ อ.นาดี และ ตลาดบ้านโคก อ.กบินทร์บุรี ปรากฏว่าไปขายผ้าที่หน้าเซเว่นทุ่งโพธิ์ มีแขก 2 คน ชื่อนายเยปี ชื่อจริง คือ เยปะกาศ ขับรถฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ป้ายแดง มาจอดแล้วบอกว่า พวกมึงห้ามมาขายแถวนี้ ถ้ามาขายจะเอาปืนยิงให้ตาย (เขาพูดภาษาอินเดีย แล้วนายมันตูซา แปลให้ฟัง และจะเอารถไล่เหยียบ
พอพูดเสร็จก็ต่างคนต่างขับรถออกไป สองคนนี้ก็กลับมาบ้านพักที่บ้านโคก โดยผู้ถูกรุมทำร้าย ไปเอาผ้ามาซัก ที่ร้านเจ๊นางซักรีดที่บ้านโคก กำลังจะกลับมีแขก 2 คน ขี่ จยย. แล้วชี้หน้าและต่อยทั้งต่อยทั้งกำปั้นทุบ และหมวกกันน๊อคตี หลังจากนั้นต่อมา 2-3 นาที นายเยปีก็ขับรถฟอจูนเนอร์ตามมาอีกแล้วลงมาร่วมทำร้ายเขาและพยายามดึงเขาขึ้นรถ แล้วพี่ชาย โอปี ชื่อ เยปี อยู่ที่สี่แยกสามทหาร คนที่ถูกต่อยก็กลัวเพราะเพื่อนกลับไปแล้ว มาตูซา ก็วิ่งเข้าร้านเพื่อขอความช่วยเหลือ กล้องวงจรปิดในร้านเห็น เจ้าของร้านก็มาห้ามปรามเพื่อไม่ให้เกิดเรื่อง แล้วแจ้งตำรวจสายตรวจ ตำรวจมาก็แยกย้ายกันกลับ เขาก็มาหาผม ผมก็พามาแจ้งความ
จากที่สัมผัส ก็จะมีกลุ่มอินเดียด้วยกัน มาลักษณะเก็บค่าคุ้มครอง ใครมาขายสายนี้ ๆ ต้องเก็บให้คนนี้ ๆ ต่อคนต่อเดือนต่อหัว เท่าที่ทราบสมัยก่อน ขายโรตีก็ 800 ต่อคน ต่อหัว ขายผ้า 1,000 กว่าบาท จนถึง 2,000 บาท คนไหนไม่จ่ายก็จะโดน คล้าย ๆ แบบนี้ ไม่รู้จะเคสเดียวกันหรือเปล่า เดี๋ยวนี้ก็เชื่อว่า ยังมีอยู่ พฤติกรรมของกลุ่มแขกแถวบ้านดงเย็น แถว ๆ หมู่ 10 เป็นบ้านแขกอยู่รวมกันเป็น 100 คน เขามาอยู่แบบไหนผมไม่ทราบ ตัวคนที่ชื่อ โอปี ก็อยู่ที่นั่น
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ขณะที่ผู้เสียหายได้เข้ามาให้การกับพนักงานสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี กลุ่มที่ทำร้ายผู้เสียหายเข้ามาเพื่อจะให้การกับทางพนักงานสอบสวน พอรู้ว่าสื่อมวลชนหลายสำนักมารอทำข่าว จึงได้พากันกลับออกไป ขณะที่ทางพนักงานสอบสวนยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่าผู้บังคับบัญชากำชับให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ผิดถูกว่ากันไปตามกฎหมาย
ต่อมาเวลา 20.25 น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่ตลาดนัดบ้านทุ่งโพธิ์ หมู่ 2 ต.ทุ่งโพธิ์ อ.นาดี ริมถนนสายสุวินทวงศ์ (นาดี – ปักธงชัย) หรือสาย 304 ได้สอบถามแม่ค้า – พ่อค้า ต่างทราบเรื่องแขกอินเดีย ข่มขู่และรุมทำร้ายกันเองแบบเย้ยกฏหมายดี ระบุว่า แขกมีหลายกลุ่มมากกว่า 20 -30 คน ทั้งขายเสื้อผ้า มุ้ง โดยเฉพาะกลุ่มปล่อยเงินกู้นอกระบบ ที่พากันมาเดินสอบถามหาว่าแม่ค้า พ่อค้าใครบ้างต้องการเงินกู้นอกระบบ แบบผ่อนจ่ายรายวัน จนพ่อค้า แม่ค้าทั้งตลาดนัดบ้านทุ่งโพธิ์ อ.นาดี ตลาดหนองกี่ อ.กบินทร์บุรีต่างเป็นหนีรายวันถ้วนหน้า หลาย ๆ คนต้องหนีหนีออกนอกพื้นที่
หลังเกิดเรื่อง ได้มีนักข่าว – ช่างภาพพยายามมาคอยดักบันทึกภาพ สอดส่อง หามาเฟียแขกอินเดีย ที่เข้ามาปล่อยหนี้นอกระบบ ให้จ่ายรายวัน หรือ การเข้ามาเอาเปรียบคนไทย จนแขกที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบหายหน้ากันทั้งตลาดนัดทุ่งโพธิ์ ตลาดนัดบ้านโคก รวม 3 วันแล้ว แม่ค้า พ่อค้าต่างพากันยกมือสาธุ ท่วมหัว ดีอกดีใจตาม ๆ กัน หวังให้ใครสักคนมาช่วยเหลือให้พ้นหนี้นอกระบบ จากมาเฟียแขกเหล่านี้ตาม ๆ กัน
มานิตย์ สนับบุญ-ข่าว/ทองสุข-ถวิน-ณัฐนันท์-ภาพ