นายกฯนครขอนแก่นสั่งผอ.สอบครูเรียกเก็บเงินเด็กคนละ 10 บาท จัดงานเกษียณครู 10 คน

นายกฯนครขอนแก่นสั่งผอ.สอบครูเรียกเก็บเงินเด็กคนละ 10 บาท จัดงานเกษียณครู 10 คน





ad1

นายกฯนครขอนแก่น เต้น สั่งผอ.สอบครูเรียกเก็บเงินนักเรียน คนละ 10 บาท จัดงานเกษียณครู 10 คน

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 13 ก.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพและข้อความจากผู้ใช้เฟชบุ๊คชื่อ " วัลลภ หาลาภ " ซึ่งไดเ โพสข้อความว่า "งงกับการสื่อสารอะไรแบบนี้ กับการแค่ขอความชัดเจนของผู้ปกครองนักเรียน แต่คำตอบที่ได้รับมันช่างไม่โอเค เสียนี่กระไร เข้าใจในเรื่องระบบการเกษียณการจัดงานมุทิตาจิต ให้ผู้เกษียณนะครับ เราแค่ไม่เข้าใจสิ่งที่ครูสื่อสารมา ก็เท่านั้น เพราะตลอดระยะเวลาที่พาลูกมาเรียนที่นี่ มีค่าใช้จ่ายอะไร ก็ไม่เคยขาด แต่พอมาเรื่องนี้คำตอบที่ได้จากครูหรือหัวหน้าชั้นสาย มันเหมือนการประชด กระแทกแดกดัน ยังไงไม่รู้ ก็ว่าจะไม่พูดแล้วมันอดบ่ได้ ช่างเหมือนกับรัฐบาลชุดนี้ที่แม่ง หาเงินไม่เป็น หารายได้เข้าประเทศไม่ได้ สุดท้ายก็มาเก็บภาษีกับประชาชน กับการแสดงมุทิตาจิต คือการกตัญญู แต่ถ้าไม่แสดงหรือไม่ออกเงินคือ ไม่กตัญญู เหรอครับ เราถามแค่ว่า ความหมายของต้องออกเงินให้ผู้เกษียณ 10 ท่าน คนละ10 บาทขึ้นไป คือยังไง บังคับหรือไม่บังคับ แต่การอธิบายกลับมานอกจากจะไม่ชัดเจนแล้วยังบ่เข้าหูอีก งึดส์สสสสหลาย พร้อมภาพที่มีแค้ปจากหน้าจอโทรศัพท์ที่มีการพุคุยกันลงในเฟชบุ๊คตัวเอง มีผู้มาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ที่มีการจัดงานมุทิตาจิต ให้ผู้เกษียณแล้วให้นักเรียนร่วมสนับสนุนด้วยเงินคนละ 10 บาท"

ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวได้พบกับนายวัลลภ หาลาภ อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่ประจำกองการกีฬา อบจ.ขอนแก่น ผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง(ร.ร.เทศบาลสวนสนุก)สังกัดของเทศบาลนครขอนแก่น เปิดเผยว่า ภาพที่แคปลงในเฟชบุ๊คนั้น เป็นคำพูดที่มีการสื่อสารกันในกลุ่มไลน์ครูและผู้ปกครอง เมื่อเวลา 15.53 น. วันที่ 12  ก.ย.65 ที่ผ่านมา โดยครูที่สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ได้โพสต์ข้อความแจ้งผู้ปกครองในกลุ่มไลน์ ว่าให้นักเรียนเตรียมเงินมุทิตาจิตครูและบุคลากรที่จะเกษียณราชการ จำนวน 10 ท่าน คนละ 10 บาทขึ้นไป

“ผมในฐานะผู้ปกครองของนักเรียน เกิดความสงสัย ว่าเงินที่ให้นักเรียนเตรียมไปนั้น เป็นการบังคับหรือบริจาค และหากเตรียมไปต้องเตรียมไปเท่าไหร่กันแน่ จึงได้ไลน์สอบถามกลับไปว่า เงินที่ให้นักเรียนนำไป เป็นการบริจาคหรือบังคับ แต่ครูที่เป็นคนแจ้งในไลน์กลุ่มกลับได้นำเอาภาพแคปข้อความของครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มาตอบแทน โดยข้อความระบุว่า “แล้วแต่ คำว่ามุทิตาจิตไม่ร่วมก็ไม่เป็นไรค่ะ เป็นการแสดงความกตัญญูต่อครูที่ได้วาระเกษียณ ไม่บังคับ ทุกชั้นทุกสายก็ร่วมแสดงมุทิตาจิตเหมือนกัน ก็สืบต่อวัฒนธรรมอันดีงามมาทุกๆ ปีที่มีผู้เกษียณไม่ใช่เพิ่งมี” ซึ่งข้อความดังกล่าวทำให้ตนเองและผู้ปกครองท่านอื่นๆ ที่ได้อ่านเกิดความไม่สบายใจ แม้จะพยายามสอบถามเพื่อให้ได้ความชัดเจน แต่กลับไม่ได้รับคำตอบจากทางคณะครู”

นายวัลลภ กล่าสต่ออีกว่า ไม่ได้มีปัญหากับการบริจาคเงินเพื่อใช้ในการจัดงานมุทิตาจิตครูที่เกษียณ เพราะที่ผ่านมาเวลาโรงเรียนมีงานหรือกิจกรรมก็ช่วยเหลือมาตลอด แต่ที่ต้องสอบถามก็เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า จะต้องให้เงินลูกไปกี่บาทกันแน่ เพราะตามข้อความที่ครูแจ้งนั้นไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่า ให้เด็กนำเงินไป 10 บาทหรือมากกว่า หรือว่า ให้นำไปครบตามจำนวนครูที่เกษียณ จำนวน 10 คน คนละ 10 บาท ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังก็เท่ากับว่า ตนเองจะต้องให้เงินลูกไปร่วมงาน จำนวน 100 บาท นี่คือประเด็นที่สอบถามไป แต่ครูกลับใช้คำตอบว่าแล้วแต่ จึงมองว่า เป็นการใช้คำพูดและการสื่อสารที่ใช้ไม่ได้ ครูและบุคลากรควรที่จะให้ความสำคัญในการสื่อสารและทำความเข้าใจกับผู้ปกครองให้ดีกว่านี้ เพราะลำพังการมาขอรับบริจาคเงินจากนักเรียนและผู้ปกครองไปจัดงานเลี้ยงเกษียณราชการของครูและบุคลากร ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้วเพราะเป็นการเพิ่มภาระให้ผู้ปกครอง แม้จะบอกว่า ไม่บังคับก็ตาม แต่การไม่บังคับก็ยังมีข้อความในทำนองว่า การมุทิตาจิตเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญู ซึ่งหากผู้ปกครองหรือนักเรียนไม่มุทิตาจิตก็เท่ากับว่าปกครองหรือนักเรียนไม่กตัญญูใช่หรือไม่ จึงอยากให้ทางผู้บริหารโรงเรียนตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย

ขณะที่นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเสื่อมเสียอย่างมาก การแสดงมุทิตาจิตต่อครูหรือข้าราชการที่เกษียณ เป็นเรื่องที่ครูจัดการกันเอง ไม่เกี่ยวกับนักเรียน และต้องไม่มีการเรียกเก็บเงินจากนักเรียนหรือผู้ปกครองเด็ดขาด เรื่องที่เกิดขึ้นได้สั่งผู้อำนวยการโรงเรียน ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงโดยด่วนแล้ว   ใครผิดก็ว่ากันไปตามผิด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องดีงาม  นักเรียน ผู้ปกครองจะมาเดือดร้อนในเรื่องแบบนี้ไม่ได้