เหยื่อบุกร้อง"ปวีณา"ช่วยประสานตร.ล่า"แก๊งคอลเซ็นเตอร์"สูญกว่า 76 ล้านบาท

ปทุมธานี-สาวใหญ่ เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ ตัวแทนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 156 รายสูญเงิน 76 ล้านบาท รวมตัวโร่ร้อง “ปวีณา” ช่วยจี้คดี ประสานตำรวจ PCT ขยายผลกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับจากกัมพูชา เช็กเส้นทางการเงินและบัญชีม้าตามเอาเงินกลับมาคืน

น.ส.พรทิพย์ วิทยะวรภัทร อายุ 51 ปี เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ พร้อมด้วยนายยศวิน เพียรพิทักษ์ อายุ 51 ปี อาชีพดีไซเนอร์ ผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน เป็นตัวแทนนำรายชื่อกลุ่มผู้เสียหาย 156 คน ความเสียหายกว่า 76 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 ก.ค. ช่วยติดตามคดี และประสานตำรวจให้สอบสวนขยายผลจากการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศกัมพูชา รวมทั้งผู้เสียหายที่อ้างว่าถูกหลอกไปทำงานที่กัมพูชาถูกช่วยเหลือกลับมาประเทศไทย ขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินโดยเฉพาะบัญชีม้าที่เหยื่อโอนเงินไปให้เพื่อเร่งนำเงินคืนให้กับผู้เสียหาย

น.ส.พรทิพย์ วิทยะวรภัทร เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศผู้เสียหาย กล่าวว่า สูญเงินไปกว่า 4 แสนบาท โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทร.มาหาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ DHL แจ้งว่ามีพัสดุตกค้าง มีสิ่งผิดกฎหมาย และมีความเชื่อมโยงกับนายสมศักดิ์ ศักดิ์ดี ที่ถูกจับคดีฟอกเงิน ซึ่งตนไม่เคยรู้จักและไม่เคยเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายใดๆ คนร้ายพูดจาหว่านล้อมให้พิสูจน์ตัวเองโดยโอนเงินไปตรวจสอบบัญชี อ้างว่าถ้าตรวจสอบเสร็จจะโอนคืนให้ ตนหลงเชื่อต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจจึงโอนเงินไปให้ ก่อนจะรู้ว่า ถูกหลอก

เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์เผยด้วยว่า จากการรวบรวมกลุ่มผู้เสียหายพบว่าในจำนวนเหยื่อ 156 ราย เป็นผู้หญิงถึง 95% ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่อยู่บ้าน แม่เลี้ยงเดี่ยว แม่ลูกอ่อน หญิงตั้งครรภ์ หญิงวัยเกษียณ และผู้หญิงที่ดูแลเด็กและคนชรา ทำให้มีเวลาคุยกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ครั้งละนานๆ บางราย คุยถึง 3 ชั่วโมง จนหลงเชื่อและโอนเงินให้ไป นายยศวิน เพียรพิทักษ์ อาชีพดีไซเนอร์ กล่าวว่า ช่วงเดือน พ.ย.64 น้องสาวตนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทร.มาลักษณะเดียวกัน อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ DHL แจ้งว่ามีพัสดุตกค้างมีสิ่งผิดกฎหมาย 

และมีความเชื่อมโยงกับนายสมศักดิ์ ศักดิ์ดี ที่ถูกจับคดีฟอกเงิน น้องตนต้องการแสดงความบริสุทธิ์โอนเงินไป 2.1 ล้านบาทในครั้งเดียว พาน้องสาวไปแจ้งความแต่คดีไม่คืบหน้า ได้สืบหาข้อมูลด้วยตนเองพบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกหลอกเช่นเดียวกันจำนวนมากที่แจ้งความตาม สน. และ สภ.ต่างๆกระจายอยู่ทั่วประเทศ จึงรวมตัวกันขึ้นมาอยากให้ตำรวจรวมคดีและเร่งติดตาม ตัวผู้กระทำผิดเพื่อนำเงินมาคืนให้ผู้เสียหาย เนื่องจากบางรายเดือดร้อนจนเป็นโรคซึมเศร้าเคยคิดฆ่าตัวตายกันหลายคน ล่าสุดเห็นข่าวที่มูลนิธิปวีณาฯประสานตำรวจช่วยเหลือเหยื่อที่อ้างว่าถูกหลอกไปทำงานที่กัมพูชากลับมา ตัดสินใจรวมตัวกันเข้ามาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ

หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ประสาน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือศูนย์ PCT สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดคดีให้เกิดความเป็นธรรมและติดตามเงินมาคืนกลุ่มผู้เสียหายต่อไป