พ่อห่วงลูกสาวโดนหลอกไปทำงานที่ปอยเปต ก่อนเรียกค่าไถ่ 9 หมื่นบาท ร้องกองปราบฯ

พ่อห่วงลูกสาวโดนหลอกไปทำงานที่ปอยเปต

พ่อห่วงลูกสาวโดนหลอกไปทำงานที่ปอยเปต ก่อนเรียกค่าไถ่ 9 หมื่นบาท ร้องกองปราบฯ





ad1


นายพงษกร พ่อ น.ส.เชอรี่ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เข้าพบ ร.ต.อ.วิทธวัช สาคะรินทร์ รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป.เพื่อติดตามความคืบหน้าหลังจากที่เคยเข้ามาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม กรณีที่ลูกสาวอายุ 17 ปี ถูกนายหน้าหลอกไปทำงานที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับร้องเรียนกับสื่อมวลชนช่วยอีกทางหนึ่ง
.
นายพงษกร เล่าว่า น้องเชอรี่ ลูกสาวได้ติดต่อกับ นายหน้าชื่อนายสุชัจจ์ (สงวนนามสกุล) ผ่านทางไลน์ว่าจะให้ไปทำงานใน ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยจะได้เงินเดือน เดือนละ 17,000 ถึง 18,000 บาท ซึ่งก็ได้เตือนลูกสาวว่าอย่าไปหลงเชื่อง่ายๆ เพราะเห็นว่าได้เงินเดือนสูงผิดปกติ แต่ลูกสาวก็ยืนยันจะไปทำงานดังกล่าว เพราะเห็นว่าได้เงินเดือนดี อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักซึ่งอยู่ใน อ.เมืองปทุมธานี โดยเดิมทีลูกสาวทำงานอยู่ร้านขายของทุกอย่าง 20 บาท แต่ปรากฏว่าร้านถูกเวนคืนที่ดินจึงถูกเลิกจ้าง
.
ต่อมา เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสุชัจจ์ ได้ขับรถมารับลูกพร้อมกับพูดจาให้ความเชื่อมั่นกับญาติว่า จะดูแลเป็นอย่างดี ได้ไปทำงานอย่างแน่นอน เพราะเคยส่งคนไปทำงานแล้วหลายคน จากนั้นไม่กี่วันถัดมา ลูกสาวก็ได้โทรศัพท์มาบอกว่าอยากกลับบ้าน ไม่อยากทำงานแล้ว เพราะไม่ได้เป็นอย่างที่บอก ที่สำคัญคือไม่ได้พาไปที่ปทุมธานี แต่กลับพาไปที่เมืองปอยเปต

จากนั้นก็ได้มีการเจรจาพูดคุยกับนายหน้าที่อยู่ในประเทศกัมพูชา เพื่อขอให้ส่งตัวลูกสาวกลับ โดยนายหน้าดังกล่าวได้เรียกเงิน 40,000 บาท เพื่อแลกกับการให้นำตัวมาส่ง แต่ตนเองมีเงินไม่พอจึงโอนเงินไปให้ 20,000 บาท จากนั้นในหน้าได้ติดต่อกลับมาแล้วเรียกเงินไถ่ตัวเพิ่มอีก 90,000 บาท ซึ่งตนเองพยายามอธิบายว่าไม่มีเงินมากพอที่จะให้ได้ จึงถูกข่มขู่ว่าถ้าไม่จ่ายเงินก็จะนำลูกสาวไปขาย ซึ่งจนถึงตอนนี้ตนเองไม่สามารถติดต่อพูดคุยกับลูกสาวได้เลย
.
นายพงษกร ยังบอกว่า หลังเกิดเรื่องได้พยายามไปติดต่อแจ้งความกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สภ.ปากตลองรังสิต , กระทรวงการต่างประเทศ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปราม แต่ก็ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยได้ โดยอ้างว่าเกิดเหตุนอกราชอาณาจักร จนตนเองมืดแปดด้านไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือกับใคร จึงมาร้องเรียนสื่อมวลชนเพื่อช่วยเผยแพร่ข่าว รวมทั้งติดตามความคืบหน้ากับทางกองบังคับการปราบปราม หลังจากได้มาร้องทุกข์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว.