ผู้ปกครองเดือด โรงเรียนดังขอนแก่นเก็บเงิน นร.จัดงานเกษียณครู แต่พอถามรายละเอียดกลับตอบไม่รื่นหู

ผู้ปกครองเดือด โรงเรียนดังขอนแก่นเก็บเงิน นร.จัดงานเกษียณครู

ผู้ปกครองเดือด โรงเรียนดังขอนแก่นเก็บเงิน นร.จัดงานเกษียณครู แต่พอถามรายละเอียดกลับตอบไม่รื่นหู





ad1

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพข้อความการสนทนากันในกลุ่มไลน์ระหว่างผู้ปกครองและครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในสังกัดเทศบาลนครขอนแก่น โดยระบุว่า “งง กับการสื่อสารอะไรแบบนี้ กับการแค่ขอความชัดเจนของผู้ปกครองนักเรียน แต่คำตอบที่ได้รับมันช่างไม่โอเค เสียนี่กระไร เข้าใจในเรื่องระบบการเกษียณการจัดงานมุทิตาจิต ให้ผู้เกษียณนะครับ เราแค่ไม่เข้าใจสิ่งที่ครูสื่อสารมา ก็เท่านั้น เพราะตลอดระยะเวลาที่พาลูกมาเรียนที่นี่ มีค่าใช้จ่ายอะไร ก็ไม่เคยขาด แต่พอมาเรื่องนี้คำตอบที่ได้จากครูหรือหัวหน้าชั้นสาย มันเหมือนการประชด กระแทกแดกดัน ยังไงไม่รู้ ก็ว่าจะไม่พูดแล้วมันอดบ่ได้

ช่างเหมือนกับรัฐบาลชุดนี้ที่หาเงินไม่เป็น หารายได้เข้าประเทศไม่ได้ สุดท้ายก็มาเก็บภาษีกับประชาชน กับการแสดงมุทิตาจิต คือการกตัญญู แต่ถ้าไม่แสดงหรือไม่ออกเงินคือ ไม่กตัญญู เหรอครับ เราถามแค่ว่า ความหมายของต้องออกเงินให้ผู้เกษียณ 10 ท่าน คนละ10 บาทขึ้นไป คือยังไง บังคับหรือไม่บังคับ แต่การอธิบายกลับมานอกจากจะไม่ชัดเจนแล้วยังบ่เข้าหูอีก งึดส์สสสสหลาย #โรงเรียนเทศบาลแห่งหนึ่ง”

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในสังกัดของเทศบาลนครขอนแก่น เล่าว่า การสนทนากันในกลุ่มไลน์ครูและผู้ปกครองในกลุ่มไลน์ เกิดขึ้นวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยครูท่านหนึ่งที่สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ได้โพสต์ข้อความแจ้งผู้ปกครองในกลุ่มไลน์ ว่าให้นักเรียนเตรียมเงินมุทิตาจิตครูและบุคลากรที่จะเกษียณราชการ จำนวน 10 ท่าน คนละ 10 บาทขึ้นไป ทำให้ตนเองและผู้ปกครองของนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มไลน์เกิดความสงสัย ว่าเงินที่ให้นักเรียนเตรียมไปนั้น เป็นการบังคับหรือบริจาค และหากเตรียมไปต้องเตรียมไปเท่าไหร่กันแน่ จึงได้ไลน์สอบถามกลับไปว่า เงินที่ให้นักเรียนนำไป เป็นการบริจาคหรือบังคับ

แต่ครูที่เป็นคนแจ้งในไลน์กลุ่มกลับได้นำเอาภาพแคปข้อความของครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มาตอบแทน โดยข้อความระบุว่า “แล้วแต่ คำว่ามุทิตาจิตไม่ร่วมก็ไม่เป็นไรค่ะ เป็นการแสดงความกตัญญูต่อครูที่ได้วาระเกษียณ ไม่บังคับ ทุกชั้นทุกสายก็ร่วมแสดงมุทิตาจิตเหมือนกัน ก็สืบต่อวัฒนธรรมอันดีงามมาทุกๆ ปีที่มีผู้เกษียณไม่ใช่เพิ่งมี”

ซึ่งข้อความดังกล่าวทำให้ตนเองและผู้ปกครองท่านอื่นๆ ที่ได้อ่านเกิดความไม่สบายใจ แม้จะพยายามสอบถามเพื่อให้ได้ความชัดเจน แต่กลับไม่ได้รับคำตอบจากทางคณะครู ตนเองไม่ได้มีปัญหากับการบริจาคเงินเพื่อใช้ในการจัดงานมุทิตาจิตครูที่เกษียณ เพราะที่ผ่านมาเวลาโรงเรียนมีงานหรือกิจกรรมก็ช่วยเหลือมาตลอด แต่ที่ต้องสอบถามไปนั้นก็เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า ตนเองจะต้องให้เงินลูกไปกี่บาทกันแน่ เพราะตามข้อความที่ครูแจ้งนั้นไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าให้เด็กนำเงินไป 10 บาทหรือมากกว่า หรือว่า ให้นำไปครบตามจำนวนครูที่เกษียณ จำนวน 10 คน คนละ 10 บาท ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังก็เท่ากับว่า ตนเองจะต้องให้เงินลูกไปร่วมงาน จำนวน 100 บาท นี่คือประเด็นที่สอบถามไป แต่ครูกลับใช้คำตอบว่า “แล้วแต่…” ซึ่งตนเองมองว่า เป็นการใช้คำพูดและการสื่อสารที่ใช้ไม่ได้ ครูและบุคลากรควรที่จะให้ความสำคัญในการสื่อสาร และทำความเข้าใจกับผู้ปกครองให้ดีกว่านี้

เพราะลำพังการมาขอรับบริจาคเงินจากนักเรียน และผู้ปกครองไปจัดงานเลี้ยงเกษียณราชการของครู และบุคลากร ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว เพราะเป็นการเพิ่มภาระให้ผู้ปกครอง แม้จะบอกว่าไม่บังคับก็ตาม แต่การไม่บังคับก็ยังมีข้อความในทำนองว่า การมุทิตาจิตเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญู ซึ่งหากผู้ปกครองหรือนักเรียนไม่มุทิตาจิตก็เท่ากับว่าปกครองหรือนักเรียนไม่กตัญญูใช่หรือไม่ จึงอยากให้ทางผู้บริหารโรงเรียนตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย.