"ทรัมป์"จ่อถอนสถานะผู้ลี้ภัยชาวยูเครน 2.4 แสนคน ส่อโดนเนรเทศ

"ทรัมป์"จ่อถอนสถานะผู้ลี้ภัยชาวยูเครน 2.4 แสนคน ส่อโดนเนรเทศ





Image
ad1

รัฐบาลทรัมป์เตรียมถอนสถานะทางกฎหมายของชาวยูเครนกว่า 240,000 คนที่ลี้ภัยสงครามเข้าสู่สหรัฐฯ ภายใต้โครงการพิเศษของโจ ไบเดน และพวกเขาอาจถูกเนรเทศออกจากสหรัฐฯ

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเมื่อ 6 มี.ค. 2568 อ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ รายหนึ่ง กับแหล่งข่าวอีก 3 คน ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังวางแผนที่จะเพิกถอนสถานะทางกฎหมายชั่วคราวของชาวยูเครนกว่า 240,000 คนที่หลบหนีสงครามในประเทศเข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ และมีโอกาสที่คนกลุ่มนี้จะถูกเนรเทศ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน นับเป็นการพลิกกลับนโยบายของรัฐบาลโจ ไบเดน ที่ต้อนรับชาวยูเครนให้เข้ามาลี้ภัยในสหรัฐฯ

แผนการนี้ยังเกิดขึ้นก่อนที่ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี โต้เถียงกับโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อหน้าสื่อเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ ที่จะถอดสถานะทางกฎหมายของผู้อพยพมากกว่า 1.8 ล้านคน ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่สหรัฐฯ ภายใต้โครงการผ่อนผันชั่วคราวเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งเริ่มใช้ในสมัยรัฐบาลไบเดน

โดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งฝ่ายบริหารตั้งแต่เมื่อ 20 ม.ค. 2568 เรียกร้องให้กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ (DHS) ยกเลิกโครงการผ่อนผันแก่ผู้อพยพในทุกประเภท โดยรัฐบาลทรัมป์วางแผนจะยกเลิกการผ่อนผันแก่ผู้อพยพชาวคิวบา, เฮติ, นิการากัว และเวเนซุเอลา ราว 530,000 คนอย่างเร็วที่สุดภายในเดือนมีนาคมนี้

และตามที่ระบุในอีเมลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (ICE) ซึ่งรอยเตอร์สได้เห็นมา ผู้อพยพที่ถูกเพิกถอนสถานะผ่อนผัน อาจต้องเผชิญกับกระบวนการเนรเทศแบบเร่งด่วน (fast-track)

เนื้อหาในอีเมลระบุว่า ผู้อพยพที่ข้ามพรมแดนเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย สามารถถูกนำเข้าสู่กระบวนการเนรเทศแบบด่วนได้ภายใน 2 ปีหลังเข้าประเทศ แต่ผู้ที่เข้ามาผ่านช่องทางกฎหมายโดยไม่ได้รับสถานะ “ยอมรับ” เข้าสู่สหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เช่นโครงการผ่อนผันของไบเดน ไม่มีการจำกัดเวลาในการนำพวกเขาเข้าสู่กระบวนการเนรเทศ

โครงการดังกล่าวยังครอบคลุมชาวอัฟกันมากกว่า 70,000 คนที่ลี้ภัยเข้าสู่สหรัฐฯ ในตอนที่ตาลีบันยึดประเทศอีกครั้งในปี 2564 นอกจากนั้นยังมีผู้อพยพอีก 1 ล้านคนได้รับกำหนดวันเข้าสู่สหรัฐฯ ไว้แล้วตามโครงการ CBP One และอีกหลายพันคนที่เข้าถึงโครงการผ่อนผันขนาดเล็กกว่าอย่างเช่น โครงการรวมญาติ เป็นต้น