ใจดำ!! วงจรปิดจับชัดหัวขโมยฉกมือถือเด็ก14 ใช้เรียนออนไลน์ ยายวอนขอคืนหลานไม่มีมือถือเรียนและสอบ

คนใจดำฉกมือถือเด็ก

ใจดำ!!  วงจรปิดจับชัดหัวขโมยฉกมือถือเด็ก14 ใช้เรียนออนไลน์  ยายวอนขอคืนหลานไม่มีมือถือเรียนและสอบ





ad1

ด.ญ.วัย 14 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดหน้าร้านสะดวกซื้อกลางเมืองชัยภูมิ กลางวันแสก ๆ เข้าไปซื้อของกินในร้านไม่ถึง 10 นาที กลับออกมาพบโทรศัพท์มือถือไว้ที่คอนโซลหน้าจักรยานยนต์ ถูกหัวขโมยฉกมือเครื่องแรกในชีวิต ที่คุณยายวัย 68 ปี ซื้อให้ใช้เรียนออนไลน์ ร้องให้ไปบอกยาย พากันไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ บอกหลานไม่ให้มีโทรศัพท์มือถือใช้เรียนออนไลน์และสอบแล้ว วอนคนร้ายนำโทรศัพท์มือถือคืนหลานด้วย ยายไม่มีปัญญาซื้อเครื่องใหม่ให้หลานแล้ว น้ำก็ท่วมบ้านทรัพย์สินเสื้อผ้าเครื่องใช้ภายในบ้านเสียหายยังไม่มีปัญญาซื้อใหม่เลย (มีคลิปหัวขโมยขณะขี่ จยย.ฉกมือถือ)

13 ต.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภาพกล้องวงจรปิดหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งกลางเมืองชัยภูมิ ได้จับภาพมีชายวัยกลางคน สวมเสื้อยืดสีฟ้า ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมาจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ก่อนเดินไปยื่นมือเข้าไปในช่องเก็บของที่คอนโซลหน้ารถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก สีขาวคาดเขียว ที่จอดอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อแล้วรีบกลับมาที่รถจักรยนต์ของคนร้ายแล้วรีบสตาร์ต์รถขี่รถจักรยายนต์ออกไปจากหน้าร้านสะดวกซื้ออย่างรวดเร็ว เมื่อ ด.ญ.เอ(นามสมมุติ)วัย 14 ปี บ้านเลขที่300/55 ถ.นนทนาครต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ กลับออกมาจากร้านสะดวกซื้อไม่พบโทรศัพท์มือถือของตนเองที่วางไว้ในช่องเก็บของที่คอนโซลหน้ารถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก สีขาวคาดเขียว ที่จอดอยู่หน้าร้านสะดวก ถึงกับตกใจมั่นใจว่าโทรศัพท์ของตนที่คนร้ายขโมยไป จึงรีบวิ่งไปพร้อมน้ำตากลับบ้านไปบอกคุณยาย นางวรรณพร นอบไทย อายุ 68 ปี บ้านเลขที่300/55ถ.นนทนาคร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ที่อยู่ไม่ไกลจากร้านสะดวกซื้อที่เกิดเหตุมากนัก เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลา 12.35 น.วันนี้(12ต.ค.64) นางวรรณพร นอบไทย อายุ 68 ปี บ้านเลขที่300/55ถ.นนทนาคร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ได้พาหลานสาววัย 14 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนเทศบาล2 ในเมืองชัยภูมิ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.จิตติพัฒน์ คำรังสี สว.สส.สภ.เมืองชัยภูมิ ว่าหลานสาวเรียนออนไลน์ที่บ้านหลังพักเที่ยงได้ขับขี่จักรยานยนต์ ออกไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน เมื่อช่วงเวลา12.35น.ของวันนี้(12) ได้เอาโทรศัพท์มือถือใส่ไว้ที่ช่องคอนโซลหน้ารถจยย.ไว้ก่อนเดินเข้าเลือกซื้อของประมาณ 10 นาที ออกมาพบว่าโทรศัพท์มือถือได้หายไปจึงกลับไปบอกย่าจึงพากันเข้าแจ้งความที่สภ.เมืองชัยภูมิ


เบื้องต้นจากการสอบถามเด็กหญิง เอ (นามสมมุติ)อายุ 14 ปี เล่าให้ฟังทั้งน้ำตา  เหตุที่มาแจ้งความก็เพราะว่า ตนได้ถูกหัวขโมยฉกมือถือที่ตนลืมไว้ที่ช่องเก็บที่อยู่หน้ารถจักรยานยนต์ ขณะที่ตนได้ไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งใกล้บ้าน และบังเอิญตนได้ลืมโทรศัพท์ของตนไว้ที่ช่องใส่ของที่หน้ารถ และได้ซื้อของจนเสร็จ โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที เมื่อออกมาจากร้านค้า กำลังจะขับรถกลับบ้าน เลยนึกขึ้นได้ว่าตนลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่ช่องเก็บของหน้ารถ เลยค้นหาในช่องเก็บของรถจักรยานยนต์ที่ตนได้เก็บโทรศัพท์มือถือไว้  แต่ไม่พบโทรศัพท์ของตน เลยรีบขับรถกลับบ้านเพื่อไปบอกยาย หลังจากนั้นยายเลยพาหลานกลับมาที่ร้านสะดวกซื้อ เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด หลังจากได้ดูกล้องวงจรปิด พบ ชายใส่เสื้อสีฟ้า ขี่รถมอเตอร์ไซค์ ยี่ห้อเวฟ ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน เข้ามาจอดข้างรถของตน พร้อมฉวยโอกาสได้ยื่นมือเข้าไปในช่องเก็บของรถจักรยานยนต์ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือในช่องเก็บของแล้วขับรถออกไปอย่างหน้าตาเฉย 


ด้านคุณยาย นางวรรณพร นอบไทย อายุ 68 ปี ยายของเด็กหญิงวัย 14 ปี เล่าว่าตนได้ซื้อโทรศัพท์มือถือ ให้หลานสาว ในราคา 4,000 บาท เพื่อที่จะให้หลานได้ใช้เรียนหนังสือทางออนไลน์ ในช่วงที่มีการเรียนการสอนแบบออนไลน์ และช่วงนี้ใกล้จบภาคเรียนที่ 1 จะมีการสอบปลายภาค จึงอยากวิงวอนให้คนที่เอามือถือของหลานไป สงสารยายและหลาน ให้นำมาคืนด้วย ยายจะไม่เอาผิดใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าโทรศัพท์จะมีมูลค่าไม่แพง แต่ยายคงไม่มีปัญญาซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้หลานแล้วเพราะเงินไม่มีแล้ว ที่สำคัญ บ้านก็พึ่งถูกน้ำท่วมไป ของในบ้านก็เสียหายเยอะมาก ยังไม่มีปัญญาซ่อมเลย ยังมาเจอคนมาขโมยโทรศัพท์หลานไปเอง ตอนนี้สงสารหลานมาก ร้องไห้ตลอดเวลาเลย กลัวจะเรียนไม่ทันเพื่อน และไม่ได้สอบ จึงอยากคนที่เอาไปรีบเอามาคืนโดยด่วน ถือว่าสงสาร ยายและหลานด้วย.

ขณะที่ ทางด้าน
พ.ต.ท.จิตติพัฒน์ คำรังสี สว.(สอบสวน).สภ.เมืองชัยภูมิ หลังรับแจ้งจึงประสานกับร้านสะดวกซื้อขอภาพจากกล้องวงจรปิดจึงได้เบาะแสของคนร้ายรายนี้ที่ขับขี่รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีน้ำเงินไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมาจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อก่อนเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ช่องหน้าคอนโซลไปก่อนขับขี่จักรยานยนต์ออกไป ซึ่งจะได้ติดตามหาตัวคนร้ายจากภาพกล้องวงจรปิดหน้าร้านสะดวกซื้อมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว แม้ทั้งยายและหลานจะไม่เอาเรื่องก็ตามอีกด้วย


มัฆวานวรรณกุลผู้สื่อข่าวภูมิภาค