รง.อุตฯผลิตถุงมือยางรายใหญ่ปิดไม่มีกำหนดเหตุขาดน้ำยาแอมโมเนีย-น้ำท่วมถนนถูกตัดขาด


ยะลา-โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปน้ำยางข้นผลิตถุงมือยางรายใหญ่ มีมติปิดโรงงานไม่มีกำหนด ขาดน้ำยาแอมโมเนีย ทีแซด ผลิตน้ำยางข้นถุงมือยาง สาเหตุเส้นทางถูกตัดขาด จากน้ำท่วมถนนห่างชายแดนเบตง ประมาณ 1 กม. ในมาเลเซีย
เมื่อวันที่ 27 พย. 64 นายกัมปนาท ชูวงศ์วรรณ ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สาขาเบตง จ.ยะลา กล่าวว่า ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปน้ำยางข้น จำนวน 4 โรงรายใหญ่ อ.เบตง จ.ยะลา มีการประชุมร่วมกันแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ ทำการปิดโรงงานแปรรูปน้ำยางข้นโดยไม่มีกำหนด ตั้งแต่วันที่ 30 พย.64 เป็นต้นไป
สาเหตุเนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปน้ำยางข้น ขาดแคลนน้ำยา สารเคมี เพื่อไปแปรรูปเป็นน้ำยางข้นเพื่อส่งออกไปแปรรูปเผลิตถุงมือยาง ที่ประเทศมาเลเซีย
เนื่องจากวัตถุดิบดังกล่าวเป็นน้ำยาสารเคมีแปรรูปน้ำยางสดเป็นน้ำยางข้น คือสารแอมโมเนีย และน้ำยาทีแซด ที่ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศตามที่โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตถุงมือยางกำหนดขาดแคลน เนื่องไม่สามารถนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซียได้
สาเหตุจากถนนระหว่างชายแดนไทย มาเลเซีย ที่ห่างจากด่านเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ประมาณ 1 กม.เกิดชำรุดเสียหายเกิดจากน้ำท่วมโดยเสียหายมาตั้งแต่วันที่ 30 ตค.64มาจนถึงขณะนี้ยังซ่อมแซมไม่แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นถนนของประเทศมาเลเซีย
ส่งผลไม่สามารถเดินรถขนส่งบรรทุกสินค้าทั้งนำเข้า และส่งออกได้ ซึ่งเป็นเส้นทางประมาณ 120 กม. ที่จะต้องนำสินค้าเข้ามา อ.เบตง จ.ยะลา จากท่าเรือปินัง รัฐปินัง ประเทศมาเลเซีย
นายกัมปนาท กล่าวว่า จนกว่าถนนสายดังกล่าวจะซ่อมแล้วเสร็จทำการขนส่งได้ สามารถนำสินค้าเข้ามาได้จากท่าเรือปินัง รัฐปินัง มาเลเซีย จึงจะสามารถเปิดโรงงานอุตสาหกรรมเดินเครื่องได้ จึงขอความอนุเคราะห์จากรัฐบาลไทย รัฐบาลมาเลเซีย ประสานงานกันเพื่อเร่งดำเนินการเปิดถนนเส้นทางด้วย เพราะได้ประสบกับผู้ประกอบการทั้งไทย และมาเลเซีย
นายกัมปนาท กล่าวอีก สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปน้ำยางข้นแปรรูปผลิตถุงมือยาง จะส่งออกไปยังประเทศมาเลเซีย ที่ท่าเรือรัฐปินัง แล้วยังเดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายรัฐ ที่มีมูลค่านับหมื่นล้านบาท / ปี
สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปน้ำยางข้นเพื่อผลิตถุงมือยาง อ.เบตง เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ ที่รับซื้อน้ำยางสดจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบาง อำเภอ จ.สงขลา จรดไปถึง จ.พัทลุง และ จ.ตรัง เมื่อหยุดโรงงานแปรรูปน้ำยางข้น ก็จะต้องหยุดรับซื้อน้ำสดไปด้วย
นายกัมปนาท กล่าวอีกว่า ส่วนสินค้าส่งออกจากด่านเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ที่มาจากพื้นที่ต่าง ๆ ไปยังประเทศมาเลเซีย ลงที่ท่าเรือปินัง ก็ต้องหยุดชะงักลงมาหลายวัน จนขณะนี้รถบรรทุกขนส่งสินค้าต้องจอดรออยู่ประมาณ 40 คัน จนบางส่วนต้องเปลี่ยนเส้นทาง ต้องส่งออกและนำเข้าจากด่านสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ชายแดนไทย มาเลเซีย รัฐเคดาห์ ระยะทางประมาณ 350 กม. ที่เป็นถนนคดเคี้ยว รถขนส่งมีไม่พอ ส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้นถึง 43,000 บาท และ 45,000 บาท / เที่ยว
และเรื่องนี้ได้ทำหนังสือยื่นถึงกงสุลไทย ในประเทศมาเลเซียแล้วเพื่อให้ประสานงานไปยังทางการมาเลเซีย กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยอนุเคราะห์สนับสนุนช่วยเหลือเร่งดำเนินการเนื่องจากสินค้าค้างสต๊อกทั้ง 2 ประเทศ และปลายทางรอรับสินค้าอยู่เป็นำจนวนมาก
“เฉพาะในกลุ่มตนมียางพารา ประมาณ 400 -500 ตัน ส่งปลายทางประเทศตุรกี”
ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมไม้ยางพาราแปรรูปเป็นปาร์ติเกิลบอร์ด ก็รอสินค้าจากประเทศมาเลเซีย เช่น ยาอบไม้ยาง ซึ่งขณะนี้กำลังขาดแคลนอยู่เพื่อนำมาใช้กับไม้ยางพาราเช่นกัน
“และตอนนี้สินค้าผลิตไว้ก็เต็มโรงงาน ส่งผลต่อต้นทุนการผลิต”.