" ทิพานัน" ห่วงเพื่อไทยเปิดนโยบาย ซ้ำรอยอดีต “คิดใหญ่ โกงเป็น” จี้หยุดวาทกรรมเศรษฐกิจไม่ดี

" ทิพานัน" ห่วงเพื่อไทยเปิดนโยบาย ซ้ำรอยอดีต “คิดใหญ่ โกงเป็น”

" ทิพานัน" ห่วงเพื่อไทยเปิดนโยบาย ซ้ำรอยอดีต “คิดใหญ่ โกงเป็น” จี้หยุดวาทกรรมเศรษฐกิจไม่ดี





ad1

" ทิพานัน" ห่วงเพื่อไทยเปิดนโยบาย ซ้ำรอยอดีต “คิดใหญ่ โกงเป็น” จี้หยุดวาทกรรมเศรษฐกิจไม่ดี ยกผลประกอบธุรกิจ “ตระกูลชินวัตร”ตอกกลับ ขณะที่ภาคธุรกิจ 112 องค์กร จ่อขึ้นเงินเดือน-โบนัส สะท้อนความสำเร็จนโยบาย“พล.อ.ประยุทธ์” ย้ำหากเศรษฐกิจฟื้นฟูเร็ว

9 ธันวาคม 2565 น.ส.ทิพานัน  ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึง พล.อ.ประยุทธ์  ว่าควรจะชัดเจนเรื่องการแก้ปัญหาของประชาชนมากกว่าและควรชัดเจนในเรื่องที่ควรจะชัดเจน น.ส. แพทองธาร ต่างหากที่ต้องชัดเจนว่า การเข้ามาการเมืองเพื่อพาพ่อกลับบ้าน หรือเพื่อประชาชน เพราะสิ่งที่สังคมสังสัยคือมาเพื่อประโยชน์ของครอบครัวตนเอง  ต่างจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ชัดเจนมาโดยตลอดว่าทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและคนไทยทุกคน ไม่เคยเอาประชาชนมาเป็นหมากในเกมการเมือง  ดังที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมองการทำงานเพื่อบ้านเมืองเป็นแค่เกมแย่งชิงอำนาจการเมืองเท่านั้น

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ต้องขอชี้แจงให้ประชาชนรับทราบว่า ความสำเร็จของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์  ในด้านการพัฒนาและยกดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นต่อเนื่องย่างยั่งยืนไม่ฉาบฉวยจนเป็นที่ประจักษ์จาก UN โดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ได้จัดประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนามนุษย์ระดับ “สูงมาก” (Very High) และต่อเนื่องมา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ซึ่งต่างจากปี 2554-2557 อยู่ในระดับสูง (High)  และระหว่างปี 2544-2549 อยู่ในระดับ ปานกลาง เท่านั้น
 
รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์  ได้นำพาชาติฝ่าวิกฤตโควิด 19 มาตั้งแต่ช่วง 2562 ที่ทั่วโลกประสบปัญหากันอย่างหนัก รัฐบาลตระหนักถึงการประคองเศรษฐกิจไปพร้อมกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้สูญเสียน้อยที่สุด  ซึ่งก็ผ่านพ้นมาด้วยดีจนได้รับรางวัล  United Nations Public Service Awards (UNPSA) ประจำปี ค.ศ. 2021 ณ เมืองดูไบ โดยเป็นรางวัลชนะเลิศจากผลงานหัวข้อ "Intelligent and Sustainable Public Health Emergency System in Thailand"  โดยรางวัล UNPSA เป็นรางวัลเชิดชูเกียรติระดับนานาชาติที่สหประชาชาติมอบให้องค์กรระดับประเทศหรือท้องถิ่นที่มีผลการดำเนินงานภาครัฐที่เป็นเลิศ 
 
จะเห็นได้ว่า หลังได้รับการเลือกตั้งเพียงไม่กี่เดือน วิกฤตโควิด 19 ได้กระทบทุกประเทศทั่วโลก  ในช่วงปี 2562-2564  จึงเป็นความท้าทายอย่างหนักที่จะทำให้ภาคธุรกิจเสียหายน้อยที่สุด รัฐบาลจึงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและใช้ยาแรงเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวให้เร็วที่สุด  จึงมีโครงการกระตุ้นการใช้จ่ายในระดับครัวเรือน เช่น  เราเที่ยวด้วยกัน  คนละครึ่ง  บัตรสวัสดิการฯซื้อของร้านธงฟ้า   รวมถึงมาตรการสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ เช่นโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย   มาตรการเลื่อนเวลาการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล  มาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ นำส่ง และชำระภาษี  มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้    มาตรการผ่อนปรนหลักเกณฑ์การ จำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้สำหรับหนี้ที่เจ้าหนี้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้  รวมไปถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านแรงงาน เรารักกัน   ซึ่งมาตรการเหล่านี้สามารถพยุงเศรษฐกิจให้รอดพ้นวิกฤตมาได้
 
ส่วนในปี 2565 นี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยรัฐบาลมุ่งผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ เช่น สนามบิน  รถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ ถนนมอเตอร์เวย์ไปยังทุกภาค ขนส่งรถไฟฟ้า   รวมถึงเศรษฐกิจ EEC ที่เป็นเศรษฐกิจใหม่ที่ขณะนี้เติบโตต่อเนื่อง  ในส่วนภาคการส่งออกอุตสาหกรรมยานยนต์ก็มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น  ทั้งนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่นบ้านจัดสรร คอนโด ก็เติมโตมีกำไรทุกไตรมาส ที่สำคัญภาคการท่องเที่ยวก็มีอนาคตสดใสเช่น ในปี 2565 นี้  จะมีนักท่องเที่ยวทะลุ 10 คนเข้ามาในไทย 
 
“ขณะเดียวกันในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังดีขึ้นนี้ รัฐบาลไม่รอช้าต่อพี่น้องแรงงานทุกคน  จึงมีมติเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2565 ขึ้นค่าแรง 354 - 328 บาท ที่มาจากการหารืออย่างรอบคอบทั้ง 3 ฝ่ายคือ นายจ้าง ลูกจ้าง  และรัฐ    ซึ่งรัฐบาลเชื่อว่าหากเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีขึ้นเร็วขึ้น  ประเทศชาติสงบ  ไม่มีอะไรมาทำให้สะดุด ก็จะนำข้อมูลหารือให้รอบด้านทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อขึ้นค่าแรงให้กับพี่น้องแรงงานได้อีกในไม่ช้านี้แน่นอน” น.ส. ทิพานัน กล่าว
 
ในขณะที่พรรคเพื่อไทยดูแคลนความสามารถการบริหารงานของรัฐบาลนั้น  สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) เปิดเผยแนวโน้มการปรับอัตราค่าตอบแทนรวม ประจำปี 2565/2566 อย่างเป็นทางการ จากการจัดเก็บข้อมูลเชิงลึกในกลุ่มเป้าหมาย 112 องค์กร จากภาคธุรกิจต่างๆ เช่น ภาคอุตสาหกรรม พาณิชยกรรมและบริการ ยานยนต์  เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และเทคโนโลยี พบแนวโน้มการปรับตัวของอัตราค่าตอบแทนที่ขยับขึ้นสูง โดยในปี 2566 คาดการณ์องค์ธุรกิจต่างๆ จะมีการปรับเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.27 % ขณะที่คาดการณ์โบนัสคงที่ 1.44 เดือน คาดการณ์โบนัสผันแปร 2.31 เดือน ตรงนี้คือตัวการันตีการทำงานของรัฐบาลอย่างประจักษ์และชัดเจนมากกว่าสร้างวาทกรรมกล่าวหามั่วๆของพรรคเพื่อไทย
 
“สิ่งที่อยากจะให้หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยตระหนักในคำพูดว่าเศรษฐกิจไม่ดี  ตอบสังคมว่าแล้วทำไมธุรกิจของตระกูลชินวัตรที่อยู่ในไทยกลับมีผลประกอบการที่ดี  เช่น โครงการ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท ก็ยังมีกำไรใช่หรือไม่  ดังนั้นการที่พูดว่าเศรษฐกิจไม่ดีต้องเพื่อไทยมาแก้ ก็ให้พี่น้องประชาชนพิจารณาถึงข้อมูลด้วยการค้นหาคำว่า “รายได้ครอบครัวชินวัตร” ก็จะพบว่าสิ่งที่หัวหน้าครอบครัวพูดเป็นจริงหรือไม่   ดังนั้นการที่พรรคเพื่อไทยโจมตีว่าเศรษฐกิจกำลังแย่มันสวนทางกับข้อมูลที่เผยแพร่ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง   และการที่ น.ส.แพทองธาร จะประกาศนโยบายขายฝันแค่ไหน คิดใหญ่เกินจริงแค่ไหน  ก็อย่าให้มีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนอดีตพ่อกับอา ที่ในอดีตได้ทุจริตคอรัปชันคนไทยไปอย่างมหาศาล และไม่เคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เป็นนักโทษหลบหนีคดีร่อนเร่ไปมา  ดังนั้นนโยบายที่ประกาศใหม่ก็อย่าให้สังคมตราหน้าว่า“คิดใหญ่ โกงเป็น”  เหมือนในอดีต