เปิดประวัติทำงาน อดีตตร.มือยิงกราดยิงหนองบัวลำภู

เปิดประวัติทำงาน อดีตตร.มือยิงกราดยิงหนองบัวลำภู

เปิดประวัติทำงาน อดีตตร.มือยิงกราดยิงหนองบัวลำภู





ad1

ส.ต.อ.อาจยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดช่วง ดูงานสืบที่ สน.ลุมพินี พบประวัติชอบเล่นปืนเป็นคนเก็บตัวไม่สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ ผบ.ตร.สั่งการให้บช.น.เพิ่มความเข้มตรวจสอบตำรวจเอี่ยวยาเสพติด บช.น.ไล่ออกแล้ว 7 ราย

พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองโฆษกบช.น. เปิดเผยกรณี ส.ต.อ.กราดยิงผู้เสียชีวิตกว่า 30 รายที่ จ.หนองบัวลำภูว่า อดีตตำรวจดังกล่าวเคยอยู่สังกัดที่ บช.น. จริง ทางบช.น. มีความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อญาติของผู้เสียชีวิต ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจ ขณะเป็นข้าราชการตำรวจสังกัดบช.น. เป็นการเข้าตรวจสอบตามขั้นตอนปกติ เป็นบุคคลผิดหลักเกณฑ์ต้องห้ามหรือไม่ โดยส่งฝึกที่ศูนย์กอบรมภาค 3 ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่วันที่ 1 พ.ย.56 ทำงานที่ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สน.ยานนาวา ย้ายที่สน.ลุมพินีฝ่ายสืบสวน วันที่ 24 ก.ค.60   ก่อนย้ายไปผบ.หมู่งานป.สภ.นาวังวันที่ 10 ก.ค.62  ระหว่างอยู่ที่บช.น.นั้น ได้ขั้นเพียง 0.5 หรือ 1 และไม่ทีความพร้อมในการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สึดท้ายขอย้ายกลับจ.หนองบัวลำภู ระหว่างทำงานไม่สาทารถทำงานกับเพื่อนร่วมงานได้ตามปกติและน่าจะมีปัญหาส่วนหนึ่ง 

“จากการตรวจสอบสวนส.ต.อ.ที่ทำงานอยู่นั้น ตั้งแต่เป็นส.ต.ต.-ส.ต.ท.ไม่ค่อยคุยกับเพื่อนร่วมงานและมีความชื่นชอบในการเล่นอาวุธปืนพกใส่เครื่องแบบ ส่วนได้ยินว่าเสพยาเสพติดตั้งแต่สมัยมัธยมที่ปรากฎตามสื่อนั้นไม่ทราบ ก็เป็นไปได้อาจจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่ไม่เคยถูกจับกุมและมาสอบเข้ารับราชการก็เป็นไปได้ แต่ช่วงที่อาจจะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดตอนเป็นผบ.หมู่งานสืบสวน สน.ลุมพินี โดยพล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. ดูแลงานสืบสวน ได้สั่งการให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว โดยให้ทุกคนที่ทำงานเกี่ยสกับงานสืบสวนตรวจสอบตำรวจฝ่ายสืบสวนที่มีลักษณะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ผบช.น. ได้กำชับให้ทางกองบังคับการต้องดำเนินการตรวจสอบ หากมีการหลบเลี่ยงก็จะดำเนินการตรวจสอบข้าราชการตำรวจคนนั้นทันที” รองโฆษกบช.น. กล่าว 

พล.ต.ท.นิธิธร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามกรณีการกราดยิงดังกล่าวทางบช.น. ได้มีการฝึการเตรียมความพร้อมหลังได้รับแจ้งเหตุกราดยิง ที่บก.ฝรก. บูรณาการกำลังเข้าเผชิญเหตุ บริหารการจัดการเหตุกราดยิง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร.ดูแลงานป้องกันปราบปราม สั่งการพัฒนาการดำเนินการฝึกอบรมกรณีดังกล่าว ส่วนกรณีผู้เสพยาเสพติดนั้น พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการให้บช.น. ดำเนินการตรวจสอบตามชุมนุมให้นำตัวส่งบำบัดผู้เสพยาเสพติด โดยส่งไปทั้งสิ้น 1,036 ราย จากนั้นต้องทำการติดตามเป็นบุคคลเฝ้าระวัง อาจกลับไปเสพยาเสพติดต่อคลุ้มคลั่งก็เป็นไปได้ ผกก.ในพื้นที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ ส่วนของการปราบปรามอาวุธปืนนั้น มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมเป็นช่วงๆ มีการดำเนินการปี 63 จับกุมได้ 687 ราย ปี 65 จับกุมได้ 930 ราย ซึ่งมีการจับกุมอาวุธเพิ่มมากขึ้น

ส่วนผู้ต้องหารายนี้ออกจากความเป็นตำรวจไปแล้วนั้น พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวว่า ร้อยละ 90 ตำรวจจะทำเรื่องขอมีอาวุธปืน ต้องมีการขอการรับรองผู้บังคับบัญชา ซึ่งกรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการต้องคดีหรือพ้นสภาพแล้วจะต้องยื่นรายชื่อดังกล่าวระงับห้ามใช้ ทั้งนี้ ภายในบช.น.มีบุคคลเป็นตำรวจต้องคดีลักษณะดังกล่าวออกจากระบบแล้ว 7 ราย ต่อไปจะต้องดำเนินการตรวจสอบประวัติเกี่ยวข้องโดยเฉพาะยาเสพติดจะไม่สามารถขออาวุธส่วนตัวได้จากการร้องขอของผู้บังคับบัญชา โดยมีการออกใบรับรองความประพฤติกรณีร้องขอการใช้อาวุธปืนในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจของเราจะเป็นแบบนั้นอีกหรือไม่ ทางผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ไปตรวจสอบผู้ใต้บังคับบัญชามีการสุ่มตรวจตำรวจสังกัดบช.น. ในการสุ่มตรวจปัสสาวะด้วยความถี่ไม่ให้มีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นต่อไป