“ไพบูลย์” ชี้ผลเลือกตั้งแค่ 1 เขต นำไปตัดสินอีก 399 เขตไม่ได้ เมิน”ชลน่าน”เตือน บอกอย่าคิดเยอะ “ธรรมนัส”โพสต์ “ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน”

“ไพบูลย์” ชี้ผลเลือกตั้งแค่ 1 เขต นำไปตัดสินอีก 399 เขตไม่ได้

“ไพบูลย์” ชี้ผลเลือกตั้งแค่ 1 เขต นำไปตัดสินอีก 399 เขตไม่ได้ เมิน”ชลน่าน”เตือน บอกอย่าคิดเยอะ “ธรรมนัส”โพสต์ “ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน”





Image
ad1

02 ก.พ. 2565  นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 หลักสี่-จตุจักรที่พรรคพลังประชารัฐแพ้การเลือกตั้งให้กับพรรคเพื่อไทยว่า ทุกอย่างเรียบร้อย ซึ่งการเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร เป็นเพียง 1 เขตเลือกตั้งใน 400 เขตเท่านั้น โดยยังเหลืออีก 399 เขต

ซึ่งหลักสี่-จตุจักร จะถือเป็นข้อมูลกับทางพรรคที่จะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อดูแลประชาชนและเพื่อประโยชน์ของประเทศและเชื่อว่าการเลือกตั้งจะต้องรอไปอีกปีกว่าทาง ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐก็จะมีเวลาเข้าไปดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน ยังเชื่อมั่นว่าการเลือกทั่วไปจะเกิดขึ้นในปี 2566 ดังนั้น ยืนยันว่า การเลือกตั้งเพียง 1 เขต จะนำมาตัดสินอีก 399 เขตที่เหลือไม่ได้ ทั้งนี้ มั่นใจว่าบริบทในแต่ละเขตเลือกตั้งต่างกัน และพรรคพลังประชารัฐมีความสามารถที่จะเข้าไปอยู่ในใจของประชาชนอย่างแน่นอน

ส่วนปัญหาการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 จะกระทบต่อเสถียรภาพของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้นยืนยันว่า ไม่กระทบต่องต่อเสถียรภาพของพรรคและมีการเรียกร้องให้ยุบสภา ก็เห็นเรียกร้องกันมา 3 ปีแล้ว และมองว่าจะต้องเรียกร้องต่อไปจนถึงปีที่ 4 โดยพรรคพลังประชารัฐ สามารถเดินหน้าต่อไปได้อยู่แล้ว ทุกพรรคการเมืองย่อมมีปฏิปักษ์ ที่ดูเหมือนจะเป็นมิตรก็มีการแข่งขัน

ขณะกรณีนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้วผู้นำฝ่ายค้าน ออกมาความเห็นว่า หากพรรคพลังประชารัฐไม่ปรับเปลี่ยนการทำงานการเลือกตั้งครั้งถัดไป จะได้ส.ส.ต่ำกว่า 50 คนนั้น เป็นการพูดกันไปเป็นการพูดให้ร้ายคู่แข่งที่มีความสามารถ พรรคการเมืองมีการแข่งขันและมีการพูดจาให้ร้ายกับพรรคการเมืองที่ตนเองรู้สึกว่าเป็นคู่แข่งที่มีความสามารถก็เป็นการดิสเครดิตกัน แต่พรรคพลังประชารัฐไม่ทำเช่นนั้น ซึ่งภายหลังจากการเลือกตั้งทางพรรคพลังประชารัฐได้มีการพูดคุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมถึง การเลือกตั้งผู้ว่า กทม.แล้วหรือไม่ นายไพบูยล์ กล่าวว่ายังไม่มีการพูดคุยกับพล.อ.ประวิตร เป็นการส่วนตัว

และในพรรคก็ไม่ได้พูดคุยในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการพูดคุยเรื่องของสภา โดยส.ส.ทุกคนมีความกระตือรือร้นในเขตตนเองอยู่แล้ว

สำหรับกรณีที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า โพสFacebook ส่วนตัวภายหลังการเลือกตั้งที่เขตหลักสี่-จตุจักรว่า “ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน” จะมีความกังวลหรือไม่ว่าส.ส.ทั้ง 21 คนจะไม่อยู่ฝั่งเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ โดยมองในเรื่องนี้อย่าไปคิดเยอะเป็นเรื่องของการเมืองก็พูดกันไปไม่มีสาระที่จะเอามาเป็นเรื่อง พรรคพลังประชารัฐมีงานอีกมาก พร้อมมั่นใจว่าไม่กระทบต่อเสถียรภาพของพรรค ส่วนคนที่เรียกร้องให้ยุบสภา ตนก็เห็นใจ เพราะเห็นว่าให้เรียกร้องให้ยุบสภาตั้งแต่ปีแรก มีความเป็นห่วงว่าน่าอึดอัดและทนไม่ไหว หากทนไม่ได้ ก็ให้ลาออกไป

ทั้งนี้ คำร้องที่ยื่นขอให้ยุบพรรคพลังประชารัฐในหลายกรณี โดยเฉพาะกรณีพี่กลุ่มราษฎรยื่นขอให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐในขณะนั้นคือ นายอุตตม สาวนายน เซ็นรับรองให้นายสิระ เจนจาคะ ลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่หลักสี่-จตุจักร ตนกลับไปดูในข้อกฎหมายแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการบริหารพรรคและไม่มีข้อใดที่จะขอให้ยุบพรรคได้ ส่วนจะมีความผิดอาญาหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ เพราะว่า กกต. ก็ยังรับรอง เมื่อเกิดเหตุขึ้น ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมา ก็เป็นไปตามนั้นส่วนที่จะเอาผิดอะไรกันกับผู้ที่เซ็นรับรอง ก็คงจะลำบาก โดยเฉพาะของพรรคพลังประชารัฐ ให้ลืมไปได้เลย เพราะไม่มีข้อกฎหมายไม่มีอะไรทั้งสิ้น ผู้ยื่นก็อาจจะยื่นเพราะไม่ชอบพรรคพลังประชารัฐ จึงยื่นให้ดูเป็นประเด็นใหญ่