2 สามีภรรยาสั่งเสียลูกทำบุญให้แม่ด้วย แม่ขอโทษ ก่อนกระโดดสะพานฆ่าตัวตาย


กรณีที่ 2 สามีภรรยา กลัวความผิด พ่อข่มขืนลูกสาวคนโตของตนเอง ชวนกันไปกระโดดสะพานข้ามน้ำตกห้วยจันทร์ โดยนำลูกสาวคนเล็กไปด้วย สั่งเสียลูกว่า ทำบุญให้แม่ด้วย แม่ขอโทษ ก่อนกระโดดต่อหน้าลูก
ที่ บ้านเลขที่ 233 บ้านหนองบัว หมู่ที่ 6 ตำบลโนนสูง อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ นางสาว จิราภรย์ อายุ 36 ปี ภรรยาของ นาย สัญจา อายุ 38 ปี 2 สามีภรรยาก่อคดีสะเทือนขวัญ กระทบต่อจิตใจของสังคมไทย โดยพ่อแอบข่มขืนลูกสาวคนโตมาเป็นระยะนานนับปี ก่อนที่ชาวบ้านจะโจทก์ขาน วิพากษ์วิจารณ์ กันทั้งหมู่บ้าน จนสุดท้ายเสียงลือเข้าหูครอบครัว ทั้งผู้เป็นพ่อ และผู้เป็นน้องชาย และน้องสาว ทนไม่ได้จึงมาสอบถามลูกสาว ผู้ที่ถูกกระทำ ซึ่งปัจจุบันอายุ 14 ปี
โดยการสอบถามอยู่หลายวัน ลูกสาวจึงยอมเปิดปากว่า เรื่องที่ชาวบ้านลือกันเป็นความจริง พ่อตนเองอาศัยอยู่บ้านเดียวกันขณะที่แม่ไปกรีดยางพ่อจะแอบกลับมาบ้านช่วงที่น้องอยู่บ้าน ก่อนบังคับขืนใจนานนับปี พร้อมสั่งห้ามบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะฆ่าทิ้ง ทั้งพ่อและน้องชายน้องสาว พอรู้เรื่องจริง ทนไม่ได้พาลูกสาวผู้ถูกกระทำเข้าแจ้งความที่ สภ.ขุนหาญ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งเด็กตรวจที่โรงพยาบาลขุนหาญ ผลการพิสูจน์ออกมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 ว่าเด็กถูกกระทำจริง นัดหมายที่จะให้ทั้ง 2 ฝ่าย เข้ามาให้ข้อมูลรับการสอบสวนในวันที่ 13 มิถุนายน 2568
แต่สองสามีภรรยาโทรศัพท์แจ้งน้องชาย บอกฝากดูแลพ่อด้วยจะไม่อยู่แล้วก่อนพากันขับรถจักรยานยนต์พ่อแม่พร้อมด้วยลูกสาวคนเล็ก 8 ขวบ ไปดื่มสุราย้อมใจก่อนตัดสินใจกระโดดสะพานข้ามน้ำตกห้วยจันทร์ต่อหน้าลูกสาวคนเล็ก 8 ขวบ ก่อนจะไปมีคำสั่งเสียว่า “ช่วยทำบุญให้พ่อกับแม่ด้วย แม่ขอโทษ” ก่อนกอดคอกันโดดสะพานต่อหน้าลูก ขณะที่ ชรบ. ตำบลห้วยชันร้องเรียกจะคว้าตัวก็ไม่ทัน
นาย ไพบูลย์ แก้วคำ อายุ 65 ปี ผู้ที่เป็นพ่อ กล่าวว่า ตนยกบ้านหลังนี้ให้ลูกสาว ผู้ตายอยู่กับลูกเขย และหลานๆ รวม 5 คน ทุกคนจะมีอาชีพกรีดยาง เพราะตนแบ่งสวนยางให้คนละ 5 และ 8 ไร่ นานๆ ตนจะเข้ามาที่บ้านนี้ แต่ก็ได้ยินมานานว่าลูกเขยกระทำต่อหลานสาว ลูกสาวคนโตของเขา แต่ก็ไม่เชื่อ จนลูกสาวคนเล็กที่ทำงานอยู่กรุงเทพ กลับมาบ้าน มาสอบถามหลานจึงมั่นใจ ตอนนี้เขานอนรักษาตัวที่ รพ.ศรีสะเกษ อาการหนัก ก็อยากจะให้ตำรวจดำเนินคดีต่อให้หนักสุด ไม่รับคำขอโทษ ไม่ให้มากราบศพลูกสาว ไม่รับกลับบ้าน ไม่นับเป็นลูกเขยอีกต่อไป
ที่สำคัญ น้อง มิน นามสมุติ ( น้องโยเกิร์ด) 8 ขวบ เล่าให้ฟังว่า วันเกิดเหตุตนไปกับกับพ่อและแม่ พ่อขับรถจักรยานยนต์ไปน้ำตก โดยแม่ชวนกระโดดสะพานไปด้วยกัน แต่ตนกลัวเจ็บเลยไม่โดด แม่ก็บอกว่า งั้นดูหน้าแม่ไว้น่ะ ต่อไปจะไม่ได้เจอกันแล้ว พร้อมกับบอกว่า “ทำบุญไปให้แม่กับพ่อด้วยน่ะ” ก่อนที่จะกระโดดต่อหน้าหนู
นางสาว พรนภา แก้วคำ อายุ 22 ปี น้องสาวคนเล็กของผู้ตาย เล่าว่า ตนทำงานที่กรุงเทพ นานๆ จะกลับมาบ้าน ในช่วงปีใหม่ และสงกรานต์ แต่ก็มีคนโทรไปบอกว่า พี่เขยกระทำต่อหลาน ตนก็ไม่เชื่อ จนได้ลงมาสอบถามหลานเอง ตอนแรกหลานไม่กล้าบอก ต่อมาตนถามดีดีหลานก็บอกว่าใช้ จึงได้แจ้งกับพ่อ และญาติๆ นำหลานไปแจ้งความ ก่อนที่ทั้ง 2 จะไปกระโดดสะพานฆ่าตัวตายหนีความผิด
ซึ่ง นางสาว จิรายุ ศรีลาปลั่ง อายุ 22 ปี น้องสะใภ้ ตนเป็นภรรยา ของน้องชายผู้ตาย ที่ผ่านมาตนก็ไปนอนที่สวนยางเพราะจะต้องกรีดยางประจำ แต่ก็ได้ยินชาวบ้านเขาลือกันว่า พี่เขยกระทำต่อหลานอย่างไร ปกติพี่เขยเขาจะไม่ดื่ม ไม่สูบบุหรี่ แต่ติดการพนัน อารมย์ร้อน หากเสียพนันมา ก็จะมาทุบตีภรรยาอยู่บ่อยๆ ต่อมาก็ได้ยินว่ามากระทำกับหลาน แต่ก็ไม่เชื่อ จนน้องสาวผู้ตาย น้องชาย เขาไปถามหลานดีดี หลานจึงยอมบอกว่าใช้ และทำมานานนับปีแล้ว อยากให้เขารับกรรมหนักๆ ส่วนหลานๆ ตนกับน้องชายผู้ตาย ดูแลเลี้ยงดู ส่งเรียนได้ จากรายได้กรีดยาง รวมทั้งหมด 12 ไร่ มีนาอีก 10 ไร่ เลี้ยงดูแล ได้ดีกว่าเขาด้วย
ส่วนในที่เกิดเหตุ สะพานข้ามน้ำตกห้วยจันทร์ ชรบ.และผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ นำพาไปดู ชี้จุดเกิดเหตุ และเล่าเพิ่มเติมว่า ในวันเกิดเหตุที่สะพานข้ามน้ำตกห้วยจันทร์ ชุด ชรบ.ที่ดูแลนักท่องเที่ยว ได้เข้ามาคุยกับ 2 สามีภรรยาอยู่ก่อนที่เขาจะกอดกันกระโดดจากสะพาน สูงราว 8 เมตร ต่อหน้าลูกหลานคนเล็กเขา แต่พวกตนรวบไว้ไม่ทัน ก็เสียใจกับลูกเขาด้วย ตัวเล็กๆ มากับพ่อแม่ มาเห็นภาพที่พ่อแม่กระโดดฆ่าตัวตาย
นายพงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน /ข่าว
เสนาะ วรรักษ์ /รายงาน