ปิดด่าน "ช่องสายตะกู"บุรีรัมย์ แม่ค้าชายแดนเดือดร้อนหนัก

ปิดด่าน "ช่องสายตะกู"บุรีรัมย์ แม่ค้าชายแดนเดือดร้อนหนัก





Image
ad1

ชาวบ้าน และพ่อค้าแม่ค้าที่เคยนำสินค้าอุปโภคบริโภค  ไปขายที่จุดผ่อนปรน "ช่องสายตะกู" อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์  ต่างได้รับผลกระทบจากการปิดช่องสายตะกูไม่มีกำหนด ทำให้ขาดรายได้  หลายคนก็เริ่มปรับตัวขายหน้าบ้านตัวเองแม้ยอดขายจะลดจากวันละ 4-5 หมื่น เหลือ 1-2 พัน แต่ก็ต้องปรับสถานการณ์เพื่อความอยู่รอด   อยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งหาทางออกปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชาให้จบโดยเร็ว 

จากนั้นทีมข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศในหมู่บ้าน   ก็พบว่า พ่อค้าแม่ค้าและชาวบ้านหลายคน  ที่เคยนำสินค้าอุปโภคบริโภค และผลผลิตทางการเกษตร ไปขายที่จุดผ่อนปรนช่องสายตะกู    ก็เริ่มปรับตัวหันมาตั้งโต๊ะขายหน้าบ้านของตัวเองให้กับชาวบ้านในหมู่บ้าน  และผู้คนที่ผ่านไปมา    แม้จะขายไม่ค่อยดีเหมือนที่จุดผ่อนปรนช่องสายตะกู  แต่ก็จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เพื่อความอยู่รอด    

โดยพ่อค้าแม่ค้า ก็ยอมรับว่า การสั่งปิดด่านก็ได้รับผลกระทบแน่นอน  เพราะหากขายช่องสายตะกูจะมีรายได้หลักหมื่น  โดยเฉพาะวันศุกร์ ซึ่งมีตลาดนัดที่ช่องสายตะกูด้วยก็จะมีรายได้ถึง 4 – 5 หมื่นบาท   แต่พอเกิดปัญหาพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา  ก็ได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดมีคำสั่งปิดด่าน    ก็ยิ่งเดือดร้อนเพิ่มขึ้นอีก    

นางอัญณิกา   สะอิ้งรัมย์   อายุ58 ปี  ชาวบ้านสายโท 6 ใต้ บอกว่า   ตนมีอาชีพขายอาหารทะเล และผลไม้ที่จุดผ่อนปรนช่องสายตะกูมาเกือบ 10 ปีแล้ว  ช่วงที่เปิดปกติยังไม่มีปัญหาพิพาทกันจะขายได้วันละ 4 – 5 หมื่นบาท  ส่วนมากจะเป็นชาวกัมพูชาข้ามมาซื้อ   แต่หลังจากเกิดปัญหาพิพาทกัน มีมาตรการควบคุมวันเวลาเปิด-ปิดด่าน ยอดขายก็ลดลงเรื่อยๆ   กระทั่งล่าสุดมีคำสั่งปิดจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู  ก็ยอมรับว่ากระทบเพราะไม่สามารถไปขายสินค้าได้   จึงได้ปรับตัวด้วยการหันมาขายหมูปิ้ง และไก่ย่างที่หน้าบ้านของตัวเอง  แม้รายได้จะลดลงหลายเท่าตัวเหลือวันละ 1-2 พันบาทรวมต้นทุน   แต่ก็จำเป็นต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว    หากเป็นไปได้ก็อยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง  เร่งหาทางออกยุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้น   เพื่อให้สามารถค้าขายได้เป็นปกติเหมือนเดิม.