สสส.หนุนตั้ง “คลินิกเลิกบุหรี่” หวังลดผู้สูบวัยทำงาน เผย “บุหรี่-บุหรี่มือสอง” ทำคนไทยเสียปีสุขภาวะกว่า 5.3 แสนปี


ประธานรัฐสภาเร่งผลักดันสภาไทยไร้ควัน ปลอดบุหรี่ 100% ชวนคนไทยลด ละ เลิกสูบบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ชี้เป็นภัยร้ายคร่าชีวิต สิ้นเปลื้องงบฯ กว่าหมื่นล้าน/ปี สสส.หนุนตั้ง “คลินิกเลิกบุหรี่” หวังลดผู้สูบวัยทำงาน เผย “บุหรี่-บุหรี่มือสอง” ทำคนไทยเสียปีสุขภาวะกว่า 5.3 แสนปี แซงหน้าออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อังกฤษ
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “สภาไทยไร้ควัน : พื้นที่ต้นแบบปลอดบุหรี่สู่สังคม” เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม ประจำปี 2568 จัดโดย คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่าย ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวปาฐกถาว่า ในวาระพิเศษของ “วันงดสูบบุหรี่โลก” ประจำปี 2568 ว่า รัฐสภาไทยขอแสดงจุดยืนเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ 100% เพื่อเป็นต้นแบบให้แก่หน่วยงานราชการอื่น ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมที่ใส่ใจสุขภาพ และห่วงใยอนาคตของลูกหลาน เพราะ “บุหรี่” ไม่ใช่สิ่งเสพติดธรรมดา แต่เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขปีละประมาณ 10,137 ล้านบาท รัฐสภาไทยในฐานะองค์กรนิติบัญญัติ ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับภารกิจนี้ ผ่านบทบาทในการออกกฎหมาย กำหนดนโยบาย และร่วมสนับสนุนทุกภาคส่วนในการควบคุมการบริโภคยาสูบ โดยอาคารรัฐสภาแห่งนี้จึงได้กำหนดให้เป็นเขตปลอดบุหรี่ มีการจัดสรรสถานที่ที่เอื้อต่อสิ่งแวดล้อมปลอดควัน มีป้ายประชาสัมพันธ์ที่มองเห็นได้เด่นชัด และมีการจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับโทษของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า มีการสื่อสารทุกช่องทางทั้งภายในและภายนอก เพื่อส่งเสริมความตระหนักและสร้างพฤติกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
“ผมอายุยืนเพราะไม่สูบบุหรี่ ตั้งใจเลิกเพราะอยากอายุยืน 100 ปี เพราะมีตัวอย่างคือท่านอดีตนายกรัฐมนตรี มหาธีร์ โมฮัมหมัด ที่จะอายุครบ 100 ปี ในเดือน ก.ค.นี้ ท่านไม่สูบบุหรี่ รักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย กินอาหารที่เป็นประโยชน์ ผมอยากให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการเลิกบุหรี่ การเลิกบุหรี่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาอดทน แต่คือความกล้าหาญที่จะเลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเอง และคนที่เรารัก เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น เพราะตราบใดที่เรายังสูบบุหรี่ แต่ไปห้ามลูกหลานไม่ให้สูบบุหรี่ ควันบุหรี่มือสองของเรายังคงไปทำร้ายลูกหลานของเราอยู่ดี” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ตระหนักถึงอันตรายของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นภัยอันตรายสำคัญที่เป็นบ่อนทำลายสุขภาพของทั้งผู้สูบและผู้ที่อยู่รอบข้างอย่างต่อเนื่อง บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร นำไปสู่โรคเรื้อรังมากมาย เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ และโรคทางเดินหายใจ ฯลฯ ขณะที่ บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า แท้จริงแล้วก็ยังคงมีสารพิษและนิโคตินที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่กำลังถูกชักจูงเข้าสู่พฤติกรรมเสพติดในรูปแบบใหม่อย่างน่าเป็นห่วง คณะกรรมาธิการการสาธารณสุขฯให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสุขภาพของประชาชนเป็นอันดับแรก ในการสนับสนุนการออกกฎหมาย ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกรูปแบบ ทั้งในเรื่องของการควบคุมการโฆษณา การจำกัดพื้นที่สูบ และการป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง
ด้าน นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ มุ่งเน้นขับเคลื่อนนโยบายด้านการควบคุมยาสูบ เพื่อให้พื้นที่รัฐสภาเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ 100% สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการ ลด ละ เลิกบุหรี่ผ่านรูปแบบต่างๆ รวมถึงการจัดตั้ง “คลินิกเลิกบุหรี่” ที่เป็นการทำงานร่วมกันในระยะยาว เพื่อให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่อยากเลิกบุหรี่อย่างเด็ดขาด เนื่องจากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 ระบุว่า กลุ่มวัยทำงาน อายุ 25-59 ปี มีอัตราการสูบบุหรี่เป็นประจำสูงสุด ร้อยละ 39.8 ไม่เฉพาะผู้สูบเองที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง หรือเรียกว่า “ควันบุหรี่มือสอง” จะได้รับผลกระทบต่อสุขภาพโรคเรื้อรังที่ตามมา เช่น มะเร็ง ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ เส้นเลือดในสมองตีบ
“ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่า แต่ละปีทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากบุหรี่เฉลี่ยปีละ 8 ล้านคน ในจำนวนนี้ พบว่า มีประมาณ 1.2 ล้านคนที่เสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง สำหรับในประเทศไทย พบคนไทยเสียชีวิตจากควันบุหรี่มือสองสูงถึงปีละ 20,688 ราย เมื่อคำนวณภาระโรคจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง โดยพิจารณาจากค่าการสูญเสียปีสุขภาวะ หรือจำนวนปีที่เสียไปเพราะสุขภาพไม่ดี พิการ หรือเสียชีวิตก่อนวัย พบว่า การได้รับควันบุหรี่มือสองทำให้คนไทยสูญเสียปีสุขภาวะถึง 534,186 ปี เมื่อเปรียบเทียบการสูญเสียปีสุขภาวะทั่วโลก พบว่า ภาระโรคจากควันบุหรี่มือสองของไทยอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อยู่ที่ 117.1 ปีต่อแสนประชากร, ญี่ปุ่น 221.69 ปีต่อแสนประชากร และอังกฤษ 154.48 ปีต่อแสนประชากร” นพ.พงศ์เทพ กล่าว