พลิกผืนดิน 300 ตรว. ปลูกพุทราหิมะขาว สร้างรายได้ 6 แสนบาทต่อปี

พลิกผืนดิน 300 ตรว. ปลูกพุทราหิมะขาว สร้างรายได้ 6 แสนบาทต่อปี





Image
ad1

หากพูดถึงผลไม้สายพันธุ์จากไต้หวันสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยมานักต่อนักแล้ว เช่น ฝรั่งไส้แดง เป็นต้น นับเป็นโอกาสของเกษตรกรรุ่นใหม่ต่างก็หันมาปลูกเป็นล่ำเป็สัน เช่นเดียวกับ เช่น คุณศักดิ์ดา และ คุณเหน่ง จารย์เขื่อง สองสามีภรรยาเจ้าของ บ้านสวนกัญญาภัทร ร้อยเอ็ด สวนผลไม้แนวใหม่ ตั้งอยู่บ้านชมสะอาด อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด ปลูกพุทราหิมะขาวลูกเท่าแอปเปิ้ล บนพื้นที่ 300 ตรว. สร้างรายได้หลายแสนบาทต่อปี

คุณศักดิ์ดา เล่าว่า เริ่มทำสวนผลไม้ขึ้นเมื่อ 8 ปี ที่ผ่านมา โดยเขาและภรรยามีบ้านอยู่ที่ร้อยเอ็ด มีที่ดินอยู่ 8 ไร่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทำงานประจำอยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเขาเป็นครูสอนเด็กเล็ก ส่วนแฟนทำงานเป็นพยาบาล ช่วงแรกที่เริ่มทำสวนตอนนั้นยังไม่ได้ลาออกจากงาน แต่ไม่อยากทิ้งที่ไว้ให้รกร้าง ก็เลยไปเรียนคอร์สการทำเกษตรแนวใหม่ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน นครปฐม โดยเรียนคอร์สสั้นๆ แต่เรียนอยู่หลายคอร์ส ทำให้เรียนนานประมาณ 2 ปี

หลังจากที่ได้ไปเรียนที่เกษตรแนวใหม่ ในช่วงนั้น เริ่มทำสวนผลไม้ไปด้วย โดยเลือกผลไม้ที่เป็นสายพันธุ์แท้ที่นำเข้าจากต่างประเทศ เป็นหลัก และเน้นการปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี ซึ่งผลไม้ที่เลือกมาปลูกในช่วงแรก คือ ฝรั่ง และน้อยหน่า เป็นสายพันธุ์จากไต้หวัน ซึ่งในช่วงนั้น ก็จะขับรถไปร้อยเอ็ดเพื่อดูแลสวนของตัวเอง เดือนละ 2 ครั้งในช่วงวันหยุด การขับรถจากกรุงเทพฯ ไปร้อยเอ็ด ไกลมาก และในช่วงไม่อยู่ได้ฝากครอบครัวช่วยดูแลให้

อย่างไรก็ตามในช่วงโควิดระบาดทำให้เขาและแฟน ก็เริ่มมองว่า สวนผลไม้ของเราเริ่มให้ผลผลิตที่ดีขึ้นเรื่อย และสร้างรายได้ให้ในระดับที่น่าพอใจ เริ่มมองเห็นลู่ทางการสร้างรายได้จากสวนผลไม้ว่าน่าจะทำรายได้ให้กับครอบครัวได้ไม่น้อยกว่าเงินเดือนประจำที่ทั้งสองคนทำอยู่ ที่สำคัญไม่ต้องขับรถขึ้นลง กรุงเทพน ร้อยเอ็ดบ่อยๆ ก็เลยตัดสินใจลาออกจากงานทั้งคู่ กลับมาลุยทำสวนผลไม้อย่างจริงจัง ปัจจุบันกลายมาเป็นเกษตรกรชาวสวนอย่างเต็มตัว โดยสวนผลไม้ที่ปลูก ประกอบด้วย น้อยหน่าไถตง ฝรั่งไส้แดงหงเป่าสือ และพุทรา 3 สายพันธุ์ ได้แก่ น้ำอ้อย หิมะขาว และหยกขาว

ด้านคุณเหน่ง เล่าว่า หลังจากตัดสินใจลาออกมาทำสวนผลไม้ มีรายได้ต่อเดือนหลักแสนบาท เมื่อหักต้นทุนออกมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ประมาณสัก 40,000-50,000 บาท เป็นรายได้ที่ค่อนข้างพึ่งพอใจมาก เพราะส่วนหนึ่งไม่ต้องเดินทางไปทำงาน ไม่ต้องกังวลกับปัญหาการจราจร ทำงานเวลาไหนก็ได้ ทุกอย่างสามารถออกแบบเองได้ มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ไม่ต้องเร่งรีบ อะไร

สำหรับรายได้หลัก จากจำหน่ายผลผลิตพุทราสายพันธุ์ไต้หวัน ทั้ง 3 สายพันธุ์ โดยเฉพาะหยกขาว เป็นพุทราที่มีผลโตเหมือนแอปเปิ้ลเขียว แต่มีเนื้อสัมผัสยังเป็นพุทรา และมีความหวานและกรอบ ถูกใจคนที่ชื่นชอบผลไม้ ซึ่งการปลูกพุทราครั้งนี้ คุณเหน่งเน้นการปลูกแบบปลอดภัย ไร้สารพิษ สารเคมี โดยเป็นการปลูกในโรงเรือน ที่เป็นมุ้งครอบ บนพื้นที่ 300 ตารางวา สามารถปลูกต้นพุทราได้ทั้งหมด 150 ต้น การลงทุนทำโรงเรือน และ ต้นพันธุ์ รวมๆ กัน ประมาณเกือบ 1 แสนบาท ซึ่งสามารถคืนทุนได้ตั้งแต่การเก็บผลผลิตได้ในปีแรก

คุณเหน่ง เล่าต่อว่า พุทราใช้ระยะเวลาในการปลูกเพียงแค่ 1-2 ปี ก็เก็บผลผลิตขายได้ โดยในปีแรกตั้งราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท การตั้งราคาระดับนี้ได้เพราะมีคนซื้อ และที่สำคัญคือยังไม่มีคนปลูกมากนักยังหากินยากอยู่ และด้วยรสชาติคนที่ได้กินเค้ายอมที่จะจ่าย ซึ่งหนึ่งต้นให้ผลผลิตได้ประมาณ 40-50 กิโลกรัม ผลผลิตที่เก็บได้โดยรวมอยู่ที่ประมาณ 3-4 ตัน โดยมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท เป็นรายได้ที่ครอบคลุมกับค่าใช้จ่าย ที่ลงทุนไป (ถ้าเก็บผลผลิตได้ 3,000 กก.x กิโลกรัมละ 200 บาท ยอดขายอยู่ที่ประมาณ 600,000 บาท/ปี)

การทำการตลาดนั้น คุณเหน่ง บอกว่า รายได้ 70-80% มาจากการขายผ่านออนไลน์ ส่วนที่เหลืออีก เป็นลูกค้าที่วอล์กอิน เข้ามาซื้อ ลูกค้าออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีการสั่งจอง ตั้งแต่เริ่มออกผล พอผลไม้เก็บเกี่ยวได้ลูกค้าจะได้เห็นว่า เราได้ดูแลผลไม้ของเค้าอย่างไร ด้วยเหตุนี้ ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้ผลไม้ที่ปลอดภัย ไปรับประทาน ส่วนราคาเมื่อเทียบกับคุณภาพจะต้องไปในทิศทางเดียว ราคาแพงคุณภาพดี ลูกค้าจะแวะเวียนกลับมาซื้อซ้ำอีก