“รมว.นฤมล” จับมือ FAO ดึงความร่วมมือทั่วโลกพลิกโฉมเกษตรและอาหารโลก


เมื่อเร็วๆนี้ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จับมือ “FAO” ร่วมเปิดประชุมนานาชาติว่าด้วยการจัดทรัพยากรดินและน้ำ เพื่อความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน ด้วยการดึงความร่วมมือจากทั่วโลกพลิกโฉมระบบเกษตรและอาหารของโลกอย่างยั่งยืน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-11 ธันวาคมนี้ โดยมี “ฉู ตงหยู” ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO พร้อมด้วยรัฐมนตรีและผู้แทนระดับรัฐมนตรีของประเทศต่างๆ ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึง เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมาร่วมพิธีเปิดการประชุม
ศ.ดร.นฤมล กล่าวถึงการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล เกี่ยวข้องกับด้านการเกษตร มุ่งเน้นยกระดับการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย ด้วยแนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยมุ่งเน้นให้นำเทคโนโลยีด้านการเกษตร เช่น เกษตรแม่นยำ หรือเกษตรอัจฉริยะมาใช้พัฒนาอาชีพด้านการเกษตร เพื่อที่ตอบสนองความต้องการของโลกด้านความมั่นคงด้านอาหาร เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและราคาพืชผลการเกษตร รวมทั้ง การยกระดับรายได้ของเกษตรกร
นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นในเรื่องการจัดการที่ดินทำกินให้เกษตรกร และการบริหารจัดการน้ำ โดยจะต้องเชื่อมโยงกับทุกหน่วยงานในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยประเด็นการจัดการและพัฒนาทรัพยากรดินเกี่ยวข้องกับการดำเนินการจัดการทรัพยากรทางการเกษตร ส่งเสริมการทำการเกษตรที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย
โดยการจัดการดินและปุ๋ยให้เหมาะสมกับพืช การลดการเผาตอซังพืช และการใช้สารชีวภัณฑ์ ลดการใช้สารเคมี และใช้นวตกรรมในการเพิ่มผลผลิต และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนพัฒนาระบบดิจิตัล แอปพิเคชั่น หรือช่องทางโซเซียลมีเดีย เพื่อให้เกษตรเข้าถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยีทั่วถึง พัฒนาเกษตรทันสมัย ด้วยเทคโนโลยีเกษตร
ทางกระทรวงฯ ยังมุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันเกษตร โดยกรมพัฒนาที่ดินได้ส่งเสริมหมอดินอาสาและเกษตรกรให้สามารถปรับเปลี่ยนตนเองไปสู่การเป็นผู้ประกอบการทางการเกษตร และสนับสนุนการทำเกษตรแบบยั่งยืน รวมถึง การผลิตอาหารที่ปลอดภัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กระทรวงฯ มุ่งมั่นที่จะให้เกษตรกรต้องอยู่ดี สินค้าเกษตรมีมูลค่าสูง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน
ขณะเดียวกัน รายงาน FAO ว่าด้วยสถานการณ์ทรัพยากรดินและน้ำ เพื่ออาหาร และการเกษตรโลก ยังเน้นย้ำถึงสภาพวิกฤติของดินและทรัพยากรน้ำอันเนื่องมาจากความรุนแรงของมนุษย์และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับการจัดการที่ยั่งยืนของทรัพยากรพื้นฐานเหล่านี้ เพื่อปกป้องความมั่นคงทางอาหารในอนาคต รายงานยังมุ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของนวตกรรม การกำกับดูแลที่ครอบคลุม และแนวทางการจัดการทรัพยากรแบบผสมผสาน และจัดการความท้าทายของที่ดินและความเสื่อมโทรมของดิน และคุณภาพน้ำลดลง
จึงเรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน ผ่านการบูรณาการการวางแผน แนวทางปฎิบัติที่ชาญฉลาดด้านสภาพอากาศ นวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการกำกับดูแลที่มีประสิทธิผล โดยเน้นย้ำความร่วมมือระดับโลกในการเปลี่ยนแปลงระบบเกษตรอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างครอบคลุมยืดหยุ่นและยั่งยืน
ซึ่งประเทศไทยจะได้แสดงออกถึงบทบาทด้านวิชการ ด้านบริหารจัดการดินและน้ำ ภายใต้ “ปฎิญญารัฐมนตรี/ แถลงการณ์การจัดการการขาดแคลนน้ำและการพลิกกลับความเสื่อมโทรมของดิน เพื่อระบบอาหารเกษตรที่ยั่งยืนและฟื้นตัวได้ และเป็นการสร้างเครือข่ายนักวิชการของไทยและต่างชาติในการจัดการดินและน้ำแบบบูรณาการที่ยั่งยืนต่อไป