5 วัน ยอดสมัคร สว. รวม 48,117 คน ศรีสะเกษเยอะสุด - 2 อำเภอไร้ผู้สมัคร

5 วัน ยอดสมัคร สว. รวม 48,117 คน ศรีสะเกษเยอะสุด - 2 อำเภอไร้ผู้สมัคร





ad1

เลขา กกต.เปิดตัวเลขรับสมัคร สว.ทั่วประเทศ 48,117 คน แจงผู้สมัครน้อย อาจเพราะกำหนดคุณสมบัติไว้สูง และมีมาตรการป้องกันการจัดตั้งและการฮั้วรวมถึงระบบซับซ้อน ยันแม้อำเภอใดมีบางกลุ่มไม่มีผู้สมัครสามารถเดินหน้ากระบวนการเลือกได้

เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2567 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลอย่างเป็นทางการจากกรมการปกครองว่าการเปิดรับสมัครสมาชิกวุฒิสภา ตลอด 5 วันที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 20 -24 พ.ค. มีผู้มาสมัคร สว. จากทั่วประเทศทั้งหมดจำนวน 48,226 คน โดยผู้ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามการตรวจสอบเบื้องต้นที่มีเอกสารครบและรับสมัครไว้ก่อนจำนวน 48,117 คน โดยผู้อำนวยการเลือกตั้งระดับอำเภอจะได้ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามโดยละเอียดครั้งหนึ่ง ว่าจะประกาศเป็นผู้สมัครหรือไม่ภายใน 5 วัน หรือภายในวันที่ 29 พ.ค.นี้

ส่วนผู้สมัครที่ตรวจในเบื้องต้นในสถานที่รับสมัครแล้ว แต่ไม่มีคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามจึงไม่รับสมัครไว้ 109 คน โดยยังมีหลายอำเภอที่ไม่มีผู้สมัครครบทุกกลุ่ม ในเบื้องต้นมี 2 อำเภอไม่มีผู้สมัคร และมีอำเภอที่มีผู้สมัครเพียงกลุ่มเดียว 7 อำเภอ

"กรณีบางอำเภอที่มีการสมัครเพียงกลุ่มเดียวหรือไม่มีผู้สมัครเลยหรือสมัครไม่ครบทุกกลุ่ม จะไม่กระทบการเลือกตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ เนื่องจากกฎหมายได้เขียนรองรับไว้แล้วในมาตรา 19 และมาตรา 40 ที่ระบุว่าการเลือกระดับอำเภอให้กระทำได้แม้จะไม่มีผู้สมัครครบทุกกลุ่ม และกลุ่มใดไม่มีผู้สมัครให้งดการดำเนินการให้มีการเลือกในกลุ่มนั้นและไม่มีผลกระทบต่อการเลือกในกลุ่มอื่น และในเขตอำเภอใดมีผู้สมัครไม่เกินห้ากลุ่มไม่ต้องจัดให้มีการแบ่งสาย" นายแสวงกล่าว

เลขาธิการ กกต. ยังเปิดเผยว่าสำนักงาน กกต. และอำนวยความสะดวกให้สามารถติดตามรายชื่อผู้สมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ รวมถึงผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ ผ่านแอปพลิเคชั่น Smart Vote ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของวันนี้เป็นต้นไป

แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง

พร้อมชี้แจงว่าจำนวนผู้สมัครอาจจะน้อยกว่าที่ประมาณการไว้อาจเนื่องจากกำหนดคุณสมบัติไว้สูง และ ผู้สมัคร ไม่สามารถ หาคนรับรองประสบการณ์ได้ และการจัดตั้งเป็นหมู่เป็นคณะบริหารจัดการได้ยาก เนื่องจากระบบได้ออกแบบป้องกันไว้ทั้งการจัดตั้งและการฮั้ว ในระดับหนึ่ง รวมทั้งขาดแรงจูงใจในการสมัครที่ระบบการเลือกมีความซับซ้อนหลายชั้น มั่นใจว่าจำนวนผู้สมัครในครั้งนี้ กกต.สามารถบริหารจัดการในการเลือกและควบคุมทำให้การเลือกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ส่วนมาตรการในการจัดการฮั้วนั้น สำนักงานได้เฝ้าระวังติดตามทุกความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด หากประชาชนรับทราบข่าวข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับการฮั้ว สามารถแจ้งข้อมูลต่อ กกต. ผ่านแอปพลิเคชันตาสับปะรดหรือแอปพลิเคชัน Smart Vote ได้ เพื่อให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภาครั้งนี้เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม

นายแสวงยังชี้แจงเพิ่มเติมกรณีคำพิพากษาของศาลปกครองกลางเกี่ยวกับระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวของผู้สมัคร สว.ทางสำนักงานได้ตรวจสอบคำพิพากษาและกฎหมายเบื้องต้น ซึ่งระเบียบดังกล่าวนั้นยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ ส่วนเรื่องการยื่นอุทธรณ์ให้รอการบังคับคดีไว้จนกว่าคดีถึงที่สุดนั้นเรื่องนี้สำนักงานไม่ได้นิ่งนอนใจ จะมีการประมวลข้อกฎหมายความเห็นและเสนอไปยังที่ประชุมใหญ่ กกต. ในวันจันทร์และอังคารนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นแนวทางกับผู้สมัครและสื่อมวลชนต่อไป

จ.ศรีสะเกษ ผู้สมัคร สว.มากสุด

สำหรับยอดผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภารวม 5 วัน แบ่งเป็น

วันแรกมีผู้สมัคร 4,642 คน

วันที่ 2 มีผู้สมัคร 6,607 คน

วันที่ 3 มีผู้สมัคร 9,434 คน

วันที่ 4 มีผู้สมัคร 13,486 คน

วันที่ 5 มีผู้สมัคร 13,948 คน

จังหวัดที่มีผู้สมัครมากที่สุด คือ

อันดับที่หนึ่ง จ.ศรีสะเกษ 2,764 คน
อันดับที่สอง กรุงเทพมหานคร 2,489 คน
อันดับที่สาม จ.เชียงใหม่ 2,000 คน
อันดับที่สี่ จ.บุรีรัมย์ 1,836 คน
อันดับที่ห้า จ.นครศรีธรรมราช 1,798 คน

ส่วนจังหวัดที่มีผู้สมัครน้อยที่สุด คือ

อันดับหนึ่ง จ.น่าน 98 คน
อันดับสอง จ.ตาก 102 คน
อันดับสาม จ.สมุทรสงคราม 128 คน
อันดับสี่ จ.พังงา 134 คน
อันดับห้า อุตรดิตถ์ และ นครพนม จังหวัดละ 150 คน

ย้ำสมัคร สว.แจ้งข้อมูลเท็จ มีโทษถึงแจกใบแดง

นายสำราญ ตันเจริญ ประธานผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร ระบุว่าหลังการปิดรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา 2567 จะมีการตรวจสอบประวัติคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ของผู้สมัคร สว. ซึ่งหาก ตรวจสอบพบว่า 1.เป็นการแจ้งข้อมูลหรือเอกสารที่ไม่ถูกต้องอันเป็นเท็จ 2.รู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์สมัคร 3.หากมีการสืบสวนไต่สวนหากพบว่าเป็นการทำให้กระบวนการเลือกไม่สุจริตและเที่ยงธรรม จะมีโทษตามกฎหมาย