สนง.สลากเปิด 10 ชุมชน 10 จังหวัด พัฒนาสู่ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน สานต่อ“โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน”ปีที่ 6


วันนี้ (8 พฤษภาคม 2567) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดย รองศาสตราจารย์ ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วยนโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร่วมแถลงข่าวโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ปี 6 โดยมีผู้แทนชุมชน และคณะผู้เชี่ยวชาญ เข้าร่วมในงานแถลงข่าว
ณ โรงแรมไอบิส สไตล์ กรุงเทพฯ
รองศาสตราจารย์ ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า “สำนักงานสลากฯ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์การเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นนวัตกรรม ส่งเสริมเศรษฐกิจ สังคม ให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน สำนักงานสลากฯ จึงได้ริเริ่มโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ตอบสนองวิสัยทัศน์ดังกล่าวให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยการให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบและการสร้างคุณค่าร่วมให้กับชุมชน เพื่อเป้าหมายการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของสมาชิกในชุมชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2562 โดยตลอดระยะเวลา 5 ปี มีชุมชนที่ได้รับการพัฒนาไม่น้อยกว่า 47 ชุมชนและสำนักงานสลากฯ ยังคงดำเนินงานอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันซึ่งเป็นปีที่ 6 ด้วยหลักการคิดการพัฒนาการเข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชน ขับเคลื่อนพัฒนาการบริหารจัดการชุมชนในด้านผลิตภัณฑ์และบริการชุมชนที่มีเอกลักษณ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งผลให้สมาชิกในชุมชนมีงาน มีอาชีพ มีรายได้ มีความสุขภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนให้มีความมั่นคงและยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม”
ด้าน พันโทหนุน ศันศนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนว่า “โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ปีที่ 6 ในปี 2567 นี้ มีชุมชนจากทั่วประเทศสมัครเข้ามา รวมจำนวนทั้งสิ้น 25 ชุมชน และคณะกรรมการได้พิจารณาคัดเลือกชุมชนจากภูมิภาคต่างๆ โดยใช้หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกชุมชนจากพื้นฐานด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อม วิถีชีวิต ที่เอื้อต่อการส่งเสริมต่อการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชม รวมถึงมีผู้นำชุมชนที่เป็นที่ยอมรับนับถือและมีการทำงานในรูปแบบกรรมการชุมชน รวมทั้งสมาชิกชุมชนยินดีให้ความร่วมมือกับสำนักงานฯ ตลอดจนเป็นชุมชนที่มีโอกาสเติบโตหรือศักยภาพในการสร้างความเข้มแข็งทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม”
“สำหรับ 10 ชุมชนที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิของหน่วยงานระดับประเทศ เข้าร่วมโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ปีที่ 6 ประกอบด้วย
- วิสาหกิจชุมชน บ้านตาชายายสาคลองห้าร้อย จ.นนทบุรี
- ชุมชนบ้านนาต้นจั่น จ.สุโขทัย
- วิสาหกิจชุมชนบ้านหาดไก่ต้อย จ.อุตรดิตถ์
- ท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านเดื่อ จ.หนองคาย
- สหกรณ์เกษตรกรรุ่นใหม่ จังหวัดอุดรธานี จํากัด จ.อุดรธานี
- ชุมชนบ้านท่าวัดเหนือ จ.สกลนคร
- บ้านกุดหว้า จ.กาฬสินธุ์
- วิสาหกิจชุมชนสตรีจ้าวภูผา จ.จันทบุรี
- วิสาหกิจเพชรงามเกาะช้าง จ.ตราด
- ชุมชนบ้านแหลมนาว จ.ระนอง
และชุมชนเดิมจากปีที่ 1-5 จำนวน 4 ชุมชน จะได้รับการพัฒนาต่อยอดในโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ปี 6 ประกอบด้วย
- ชุมชนบ้านโอ่งอ่างเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี
- ชุมชนย่านเก่าวังกรด จ.พิจิตร
- ชุมชนบ้านถ้ำเสือโฮมสเตย์ จ.เพชรบุรี
- วิสาหกิจชุมชนไทดำบ้านนาป่าหนาด จ.เลย
“โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ปีที่ 6 ในปี 2567 นี้ ทางสำนักงานฯ ได้ร่วมมือกับคณะที่ปรึกษาซึ่งมีความเชี่ยวชาญในหลากหลายด้านมาช่วยขับเคลื่อนสร้างความแข็งแกร่งให้สมาชิกในชุมชน ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายต่างๆ ในระยะเวลา 5 เดือน โดยทุกชุมชนจะได้รับ (1) การพัฒนาจากทีมที่ปรึกษาของโครงการฯ ทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการพัฒนาชุมชนด้านกลยุทธ์การตลาด ด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร (2) การจัดแสดงนิทรรศการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และการจัดทำE-Catalog นำเสนอผลิตภัณฑ์/บริการเด่นของชุมชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่ปีที่ 1 - ปีที่ 6 (3) การพัฒนาป้ายสำคัญในชุมชนและเอกสารแนะนำชุมชน (4) การประชาสัมพันธ์ชุมชนให้เป็นที่รู้จักเพื่อเพิ่มรายได้ เช่น การจัดงานแถลงข่าวโครงการฯ การจัดการท่องเที่ยวชุมชน การเผยแพร่ข้อมูลชุมชน ผ่านสถานีโทรทัศน์ / Youtuber เป็นต้น และ (5) การจัดทำแผนการยกระดับชุมชนฯ แผนการตลาดออนไลน์และแผนการเชื่อมโยงความสำเร็จเชิงพาณิชย์ให้กับทุกชุมชนโดยโครงการฯ ในปีที่ 6 นี้ได้เพิ่มการจัดทำ website เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้า ผลิตภัณฑ์และบริการของชุมชน ตั้งแต่ปี 1-6 ทั้งหมดรวม 57 ชุมชน”
“โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน เป็นผลมาจากการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการพัฒนาชุมชน เพื่อให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยทั้ง 10 ชุมชนใหม่ และ
4 ชุมชนจากโครงการฯ ในปีที่ 1-5 จะได้รับการเติมเต็มองค์ความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่จะมาร่วมกันถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ในด้านการพัฒนาชุมชน ทั้งเรื่องการพัฒนาการตลาด การออกแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาโภชนาการ รวมถึงการเปิดมุมมองในเรื่องของการตลาดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่จะมีโอกาสได้ลงมือปฏิบัติจริง ที่จะทำให้เกิดความรู้และความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้และสามารถนำกลับไปพัฒนาและต่อยอดให้กับชุมชนของตนเองได้ต่อไป เชื่อว่าการดำเนินงานของสำนักงานสลากฯ จะสามารถตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกในชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน” พันโทหนุน กล่าวสรุป