ล่าข้ามโลกพ่อค้าแรงงานอินเดียโหด ฆ่าหั่นศพหนุ่มพม่า เลื่อยไฟฟ้า-อีโต้สับแยกชิ้นยัดตู้แช่

ล่าข้ามโลกพ่อค้าแรงงานอินเดียโหด ฆ่าหั่นศพหนุ่มพม่า เลื่อยไฟฟ้า-อีโต้สับแยกชิ้นยัดตู้แช่





ad1

เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2567 พ.ต.ท.จักรี ดิษใจ สว. (สอบสวน) สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุฆ่าหั่นศพในอาคาร พาณิชย์เลขที่ 522 ซอยสะแกงาม 35/3 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. รายงานผู้บังคับบัญชาและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบ ประกอบด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 พ.ต.อ.ธิติพงศ์ สียา ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.ท.ไกรฤกษ์ สิทธิโชติ สว.สส. สน.ท่าข้าม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 3 ชั้น ชั้นล่าง พบเป้ใส่เสื้อผ้าจำนวน 7 ใบ ชั้น 2 เป็นห้องโล่ง ส่วนชั้น 3 แบ่งเป็น 2 ห้อง ซ้ายขวา ตรวจสอบห้องฝั่งขวา พบตู้แช่ขนาด 5 คิว สภาพใหม่ ตั้งอุณหภูมิที่ 13 องศา วางอยู่มุมห้อง ตรวจสอบในตู้พบชิ้นส่วนมนุษย์ ถูกตัดเป็น 6 ส่วน ศีรษะ 1 ส่วน ขาตั้งแต่หัวเข่า ลงไป 2 ข้าง แขนตั้งแต่หัวไหล่ 2 ข้าง ลำตัวมีรอย หั่นช่วงสะดือแต่ไม่ขาด ใกล้กันพบเลื่อยไฟฟ้า 1 ตัวถูกคลุมด้วยผ้าห่ม ห้องด้านซ้ายพบเลื่อยไฟฟ้าอีก 1 ตัว และมีดอีโต้เปื้อนเลือด 2 เล่ม นอกจากนี้ ยังพบ รอยเลือดในห้องจำนวนมากรวมทั้ง ในห้องน้ำ ที่คาดว่า เป็นจุดชำแหละศพ ตรวจสอบผู้ตายคือ นายอา เซ ไค อายุ 35 ปี ชาวเมียนมา

สอบสวนนายมายยา อาย อายุ 35 ปี ชาวพม่า เพื่อนคนตาย ให้การว่า อาคารพาณิชย์แห่งนี้เป็นที่พัก สำหรับแรงงานชาวพม่าที่รอทำงาน มีนายซันดาราเวล ปกาดีส คูมา (SUNDARAVEL PRAGADEESH KUMAR) อายุ 23 ปี ชาวอินเดีย เป็นนายหน้าหาแรงงานต่างชาติมาทำงานในประเทศไทย สำนักงานอยู่ซอยสาธุประดิษฐ์ 44 เรียกค่าดำเนินการหัวละ 15,000 บาท และค่าเอกสารอีก 7,000 บาท รวม 22,000 บาท เมื่อวันที่ 17 ม.ค. นายซันดาราเวลมาเช่าตึกแห่งนี้ให้แรงงาน 5 คน เข้าพัก ต่อมาเช้าวันที่ 19 ม.ค. มารับคนงาน 4 คน ไปเหลือผู้ตายคนเดียว

“หลังจากนั้นผมติดต่อผู้ตายเวลาประมาณ 22.30 น. คุยกันตามปกติ และคุยกับนายซันดาราเวล ด้วยการวิดีโอคอล นายซันดาราเวลบอกว่า กำลังมารับผู้ตายไปทำงาน แต่สังเกตเห็นสภาพเหงื่อออกท่วมตัวและรีบวางหูผิดปกติ หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อทั้งคู่ได้อีก วันนี้เดินทางมาที่อาคารเกิดเหตุเพื่อมาเอากระเป๋าเป้ มาถึงพบว่า ประตูถูกแม่กุญแจล็อกจากด้านนอก โทร.ปรึกษาเจ้าของตึกเค้าอนุญาตให้พังประตูเข้าไป ขึ้นไปดูบริเวณชั้น 3 พบภาพสยอง ดังกล่าว” นายมายยากล่าวด้วยท่าทางอกสั่นขวัญแขวน

น.ส.กัญญารัตน์ เพ็งแจ่ม อายุ 33 ปี เพื่อนบ้านติดกัน กล่าวว่า บ้านหลังนี้มีชาวอินเดียมาเช่ายังไม่ถึง 1 สัปดาห์ ช่วงกลางดึกวันที่ 19 ม.ค. พบว่านายหน้าชาวอินเดียขับรถยี่ห้อเอ็มจี สีแดง ทะเบียน 1 ขช 5422 กรุงเทพมหานคร มาจอดที่หน้าตึกท่าทางลุกลี้ลุกลน พยายามถอยรถเข้าไปในตัวตึกแต่เข้าไม่ได้จนชนประตูเสียงดังสนั่น จากนั้นรีบขับรถออกไป ตึกแถวห้องนี้เคยมีประวัติคนงานฆ่ากันตายเมื่อหลายปีก่อน ใครมาเช่าก็อยู่ไม่ได้

ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบศพในตู้แช่ที่เพิ่งซื้อมา สอบถาม ผู้ให้เช่าตึกแถวทราบว่า ชายชาวอินเดียมาเช่าเมื่อวันที่ 13 ม.ค. มีคนงานชาวเมียนมาพักอยู่ 5 คน นายหน้าชาวอินเดียนำคนงาน 4 คน ไปสมัครงาน เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงผู้ตายคนเดียว วันนี้ คนงานทั้ง 4 คนกลับมาเพื่อเอากระเป๋าที่อยู่ชั้นล่างแต่เข้าไม่ได้ ขอผู้ให้เช่างัดเข้าไปพบศพผู้ตายถูกแช่แข็งอยู่ ใกล้ศพยังพบเลื่อยไฟฟ้าสภาพใช้งานแล้ว

“ตอนนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำพยานทั้ง 4 ปาก ไล่เรียงที่มาที่ไปว่า ผู้เสียชีวิตมีความเป็นมาอย่างไร เข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ส่วนนายจ้างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่า เดินทางออกนอกประเทศ ไปยังเมืองเจนไน ประเทศอินเดีย เวลา 20.50 น.วันที่ 20 ม.ค. เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบสวน” รอง ผบช.น.กล่าว

หลังตรวจสอบสภาพศพและที่เกิดเหตุเบื้องต้น เจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปให้ภาควิชานิติเวช ศาสตร์ รพ.ศิริราช ชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดหาสาเหตุ การตายและเก็บหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเด็นการฆาตกรรม ครั้งนี้แบ่งเป็น 2 ประเด็น คือ เรื่องค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินการหลบหนีเข้าเมืองและค่าเอกสารที่รวมกัน สูงถึง 22,000 บาท และประเด็นความสัมพันธ์ส่วนตัว ของผู้ตายและเจ้าของบริษัทจัดหางานชาวอินเดียเบื้องต้นชุดสืบสวนประสานสถานทูตอินเดีย เพื่อติดตามตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนถ้าพบว่า เกี่ยวข้องจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป