โจรลักตัดกัญชาโหดมีดจ้วงแทงผัวดับแทนเมียท้อง 8 เดือน ตำรวจตามรวบตัวทันควัน

โจรลักตัดกัญชาโหดมีดจ้วงแทงผัวดับแทนเมียท้อง 8 เดือน ตำรวจตามรวบตัวทันควัน





ad1

สมุทรปราการ-ตำรวจสภ.บางเสาธง ตามรวบทันควันคนร้ายลอบตัดกัญชาเหี้ยมโหดใช้มีดจ้วงแทงผัวดับแทนเมียท้อง 8 เดือน ขณะขับจยย.กลับจากซื้ออาหารพบเห็นคนร้าย

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้ง เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 4 กันยายน 2566 มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกแทง บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 202/220 หมู่บ้านการเคหะเมืองใหม่บางพลี ซอย 6 หมู่ 16 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลบางบ่อ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบ้านพักหลังหนึ่ง สามารถจับภาพได้ ขณะที่มีคนร้ายเป็นชายหนึ่งคนสวมชุดสีดำ เดินผ่านหน้าบ้านที่ติดกล้อง จากนั้นไม่นานก็จะเห็นว่ามีสองสามีภรรยาขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังคนร้ายไป ไม่นานภาพจากกล้องวงจรปิดมุมเดิมจับภาพได้ขณะที่คนร้ายคนเดิมกำลังวิ่งหลบหนี หลังจากไปก่อเหตุใช้มีดแทงกลางอกของสามีที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านกล้องวงจรปิดตัวนี้ไป

ที่เกิดเหตุพบ นาย พรเทพ ศรีวรรณ อายุ 29 ปี ชาวอำเภอเมืองสรวง จังหวัดร้อยเอ็ด นอนหายใจโรยรินอยู่บนพื้นถนนกลางซอย มีบาดแผลถูกมีดแทงที่กลางอก เจ้าหน้าที่กู้ชีพให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น และทำการปั้มหัวใจเพื่อยื้อชีวิต ก่อนจะเร่งเคลื่อนย้ายนำส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 5 ต่อมานาย พรเทพ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล นางสาว ศิริพร สิงห์ขัน อายุ 37 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าทั้งสองข้าง และที่ริมฝีปากเป็นแผลแตก เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลก่อนเร่งนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีขาว-น้ำเงิน 1 กม 2390 สมุทรสาคร ล้มอยู่กลางซอย บริเวณที่พักเท้าพบถุงกับข้าว ห่างไปไม่ไกลพบต้นกัญชาปลูกอยู่หน้าบ้านที่เกิดเหตุมีรอยถูกตัดยอดออกไปจนหมด

จากการสอบถาม นางสาว ศิริพร ภรรยาของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนเองและสามีพักอยู่ที่บ้านเช่าในซอยดังกล่าว ขณะที่เธอและสามีกลับมาจากซื้ออาหารจะกลับเข้าบ้านเพื่อพักผ่อน จนขับรถมาจะถึงบ้านพักอยู่แล้ว สังเกตเห็นว่ามีชายวัยกลางคนรายหนึ่งกำลังยืนตัดต้นกัญชาของเพื่อนบ้านที่ปลูกเอาไว้หน้าบ้าน จึงชะลอรถหันไปดู ไม่ทันได้พูดอะไร คนร้ายได้ถามกลับมาว่ามึงเป็นใคร จากนั้นชักมีดพยายามแทงใส่ตนเอง จนสามีต้องเร่งเครื่องบิดหนีตาย แต่ไปไม่ไกลรถเสียหลักล้ม คนร้ายจึงตามมาหมายจะแทงตนเอง แต่สามีโดดเข้ามาขวางรับมีดแทนตนเอง จึงทำให้สามีถูกมีดแทงที่กลางอก ส่วนคนร้ายก็วิ่งหลบหนีไป ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักรหรือเห็นหน้าคนร้ายคนนี้มาก่อน ส่วนเจ้าของบ้านต้นกัญชานั้นไม่ใช่ของคนร้ายเพราะบ้านที่ปลูกกัญชานั้นอยู่ห่างจากบ้านที่ตนเองเช่าแค่สี่หลัง

ด้านชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า คนร้ายรายนี้มาขโมยตัดต้นกัญชาซึ่งเป็นจังหวะที่สองผัวเมียกลับมาเจอพอดีจึงถูกคนร้ายแทงจนบาดเจ็บสาหัสและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

นายคมกริช คำวง อายุ 30 ปี คนออกมาเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนนั่งอยู่ในบ้านได้ยินเสียงดังโครมคล้ายรถล้ม และมีเสียงคนเขย่ารั้วบ้าน ต่อมามีเสียงดังโวยวาย ตนได้แต่แอบดูทางหน้าต่างเพราะกลัวอันตราย พอเหตุการณ์สงบเดินออกมาพบรอยเลือดที่หน้าบ้านจำนวนมาก จึงเดินออกดูตรงทางถนนกลางซอย พบผู้บาดเจ็บนอนกระอักเลือดอาการสาหัส

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายอนุ บุญกลั่นสอน อายุ 33 ปี มีบ้านพักในซอย ซี 3 ซึ่งอยู่ห่างจากซอยที่เกิดเหตุเพียง 200 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังทั้งสายตรวจและอาสาสมัครกว่า 50 นาย ปิดล้อมบ้านพักของคนร้ายรายนี้ ซึ่งทันที ที่คนร้ายรายนี้ เจอกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปีนหนีออกหลังบ้านก่อนจะขึ้นไปบนหลังคาบ้านข้างเคียงโดยมีมีดติดตัวอย่างน้อย 2 เล่ม และไม่ยินยอมให้ใครเข้าใกล้ ตำรวจจึงปิดล้อมและกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันอันตราย โดยจากการตรวจสอบภายในบ้านผู้ก่อเหตุพบมีดทำครัว 1 เล่ม ใบกัญชาจำนวนมาก และ หม้อต้มน้ำกัญชาผสมใบกระท่อม 1 หม้อ เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมผู้ก่อเหตุให้ยอมวางมีดและมอบตัว แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากผู้ก่อเหตุรายนี้มีอาการหลอนกัญชาจนพูดจาไม่รู้เรื่อง และพูดจาโวยวายเพียงลำพังตลอดเวลา ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ ถึงแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำทีส่งบุหรี่และน้ำดื่มให้กับผู้ก่อเหตุ เพื่อหวังให้ลงมารับน้ำดื่ม แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง ท่ามกลางแรงกดดันจากประชาชนจำนวนมาก เนื่องจากผู้ก่อเหตุเพิ่งไปก่อเหตุฆ่าตนตายและพยายามแทงคนท้องมา

จนกระทั่ง เมื่อ เวลา 02.40 น. วันที่ 5 กันยายน 2566 พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางเสาธง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนใช้กระสุนยางเตรียมความพร้อมอาศัยจังหวะที่ผู้ก่อเหตุรายนี้เผลอและพอสบโอกาสจึงยิงกระสุนยางใส่คนร้ายไป 3 นัด จนสามารถเข้าชาร์จจับกุมคนผู้ก่อเหตุรายนี้ได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงปรบมือของชาวบ้าน ใช้เวลาในการปิดล้อมจับกุมกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ก่อเหตุส่งโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกายก่อนอายัดตัวเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ด้าน มารดาของผู้ก่อเหตุ บอกว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยเป็นจิตเวชจาการใช้สารเสพติดอย่างหนักมาก่อนหน้านี้จนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเจ้าสมเด็จเจ้าพระยา จนกระทั่งอาการดีขึ้นจึงกลับมาพักที่บ้าน แล้วไปรับยาที่โรงพยาบาลบางพลีมาทาน แต่มาในระยะหลังไม่ทานยาตามที่หมอสั่งและหันกลับไปเสพกัญชาอีกจนเกิดอาการประสาทหลอน หงุดหงิดโมโหร้าย แต่ก็ไม่เคยคุมคลั่งแบบนี้มาก่อน เพิ่งมาเกิดเรื่องก็ครั้งนี้.