คดีพิลึก!สามีแจ้งตร.ลานสักจับ 3 คนร้ายย่องเข้าบ้านฉกกางเกงในภรรยา ขโมยข้าวสาร ขุดหน่อไม้ทิ้งไว้ดูต่างหน้า

คดีพิลึก!สามีแจ้งตร.ลานสักจับ 3 คนร้ายย่องเข้าบ้านฉกกางเกงในภรรยา ขโมยข้าวสาร ขุดหน่อไม้ทิ้งไว้ดูต่างหน้า





ad1

อุทัยธานี- สามีแจ้งตำรวจ!!ชาย 3คน เดินเข้ามาในบ้าน  อ้างเอาของมาขาย  ฉกกางเกงในภรรยาไป 3 ตัว ยกข้าวสารไป 1 ถุง แถมขุดหน่อไม้ทิ้งไว้ดูต่างหน้า เจ้าหน้าที่ตามจับกุมได้ 1 ยังหนีลอยนวลอีก 2 อ้างมีคนจ้างนำท่อนไม้มาขายให้เจ้าของบ้าน

เมื่อเวลา 9.30 น.ของวันที่ 4 กันยายน 2566 สถานีตำรวจภูธรลานสักได้รับแจ้งจากนายท๊อป อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 9 หมู่ 1 บ้านน้ำรอบ ต.น้ำรอบ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ว่าได้มีคนร้ายเป็นชาย 3 คน ได้อ้างว่า ทำทีเอาท่อนไม้มาขายให้ ซึ่งหนึ่งในนั้น ได้ฉกกางในของภรรยาของตนเอาไป พร้อมกับยกข้าวสารไปอีก 1 ถุง และน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ หลบหนีไป โดยอาศัยช่วงเจ้าของบ้านไม่อยู่ พร้อมกับกล้องวงจรปิดที่บ้านจับภาพได้

ล่าสุด ร.ต.อ.เอกชลิต หนุนพงษ์ ร้อยเวรสภ.ลานสัก พร้อมชุดสืบสวนลงพื้นที่ หาตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ขณะนี้จนท.จับตัวมาได้ 1 คน ชื่อนายยอด  อายุ 45 ปี ส่วนอีก 2 คน นายเอกับนายบี(นามสมมุติ )ได้หลบหนี อยู่ระหว่างจนท.ติดตามตัวมาสอบสวนเพื่อสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน พร้อมกับนำตัวนายยอดมาชี้จุดในที่เกิดเหตุ

โดยนายยอด 1 ในผู้ก่อเหตุ ได้เปิดเผยโดยอ้างว่าตนเองเป็นแค่คนขับรถมาให้ ทั้ง 2 คนที่มาด้วยกัน ได้ว่าจ้างตนเอง 500 บาท ให้มาขับรถให้ โดยบอกกับตนเองว่าจะเอาท่อนไม้มาขายให้กับเจ้าของบ้าน แล้วที่กางเกงในหายไปกับข้าวสารที่หาย ตนเองไม่ทราบว่า ทั้ง 2 คน จะก่อเหตุ ทั้งนี้ตนเองก็ไม่ได้ตังค์ 500 บาท ที่ว่าจ้างให้ตนเองมาขับรถมาในครั้งนี้

จากการสอบนายท๊อป ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านดังกล่าว เปิดเผยว่า ช่วงประมาณสามโมงเช้าไม่มีคนอยู่บ้าน ของวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ภาพกล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่ามีชายเข้าภายในบ้าน 3 คน ซึ่งในภาพนั้นจับภาพ ได้ ขณะมีรถกระบะสีแดงเลือดหมูบรรทุกท่อนไม้มา โดยอีกคนคอยขับรถ ส่วนอีก 2 คน เดินรอบบริเวณบ้าน โดยมีภาพกล้องอีกมุมหนึ่งซึ่งจับได้ ว่ามีชายเสื้อขาว 1 ในนั้น ได้เดินมาที่ราวกางเกงในของภรรยาตนเอง แล้วดึงขโมยกางในใส่กระเป๋าไปอย่างรวดเร็ว ไม่พอเดินมาหิ้วถุงข้าวสารไปอีก 1 ถุง ไม่พอตนเองเดินไปดูที่หลังบ้านพบรอยขุดหน่อไม้ อีกทั้งยังมีน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์หายไปด้วย จึงได้เข้าแจ้งความกับจนท.ตำรวจ พร้อมให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุในครั้งนี้