"กัน จอมพลัง" พาผู้เสียหายถูกขาใหญ่บางพลีใช้ไม้เบสบอลฟาดไม่เคยบาดหมางกันจนตาบอด กะโหลกแตก

"กัน จอมพลัง" พาผู้เสียหายถูกขาใหญ่บางพลีใช้ไม้เบสบอลฟาดไม่เคยบาดหมางกันจนตาบอด กะโหลกแตก





ad1

"กัน จอมพลัง" พาผู้เสียหายมาติดติดตามความคืบหน้าของคดี หลังถูกขาใหญ่บางพลีใช้ไม้เบสบอลฟาดหน้าจนตาซ้ายบอด กะโหลกร้าว ขณะนี้ผู้ก่อเหตุหลบหนีได้หลบหนีไปแล้ว ด้านน้องสาว ยัน พี่ชายไม่เคยมีเรื่องกับใครและไม่รู้จักผู้ก่อเหตุมาก่อน หลังจากได้พูดคุยกับ ผกก.สภ.บางพลี แล้ว กัน จอมพลัง ได้พาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุและบ้านของผู้ก่อเหตุซึ่งไม่มีคนอยู่ ด้านชาวบ้านให้ข้อมูลว่ายังเหตุผู้ก่อเหตุยังใช้ชีวิตตามปกติ แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน 

จากกรณี น้องสาวผู้เสียหายร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากพี่ชายถูกขาใหญ่บางพลี ดักเอาไม้เบสบอลฟาดหน้า ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน ขณะเกิดเหตุพี่ชายสลบคาที่ ทำให้ตาข้างซ้ายบอด กะโหลกศีรษะแตก หลังก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุหลบหนี คดีความไม่คืบหน้าจึงร้องขอความเป็นธรรม

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 สิงหาคม 2566 ที่ สภ.บางพลี สมุทรปราการ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้พา นายสมิทร์ สารภีทอง อายุ 26 ปี (ผู้ได้รับบาดเจ็บ) และ น.ส.อมรา สารภีทอง อายุ 23 ปี (น้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บ) เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี

น.ส.อมรา สารภีทอง อายุ 23 ปี น้องสาวผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.66 ช่วงเวลา 02.00 น. หลานชายนาย พีระภัทร กวีวิเวก อายุ 22 ปี ได้ไปเที่ยวที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง(อาร์คติกบาร์ )ที่ ตลาดนัดเรือบิน ต.บางโฉลง อ.ขางพลี จ.สมุทรปราการ  แล้วเกิดมีเรื่องกับวัยรุ่นกลุ่มอื่น จากนั้นหลานชายได้โทรศัพท์มาบอกตนเอง ตนจึงให้พี่ชาย นายสมิทร์ สารภีทอง อายุ 26 ปี ไปช่วยดูหลาน ด้วยความเป็นห่วงพี่ชายจึงขี่รถจักรยานยนต์ไปเพียงคนเดียว ระหว่างที่อยู่ภายในซอยพลูเจริญ ขณะที่พี่ชายของตนเลี้ยวเข้าซอยกลับถูกผู้ก่อเหตุดักตีจนหงายท้องจากรถจักรยานยนต์ และหมดสติไปทันที โดยเพื่อนที่ขี่รถจักรยานยนต์ตามมาเห็นเหตุการณ์และพยายามขับตามคนร้าย แต่ตามไม่ทัน ตนจึงพาตัวพี่ชายนำส่งโรงพยาบาล และเข้าแจ้งความดำเนินคดีผู้ก่อเหตุ ที่ สภ.บางพลี

นายสมิทธ์ สารภีทอง อายุ 26 ปี ผู้บาดเจ็บ บอกว่า ในวันเกิดเหตุหลังจากที่รู้ว่าหลานชายมีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่ยกลุ่มหนึ่ง ตนเองจึงได้รีบขี่รถจักรยานยนต์ออกไปดู ขณะที่ถึงซอยพูลเจริญ จุดเกิดเหตุตนเองรู้สึกเหมือนถูกของแข็งฟาดที่ใบหน้าอย่างแรง หลังจากนั้นตนก็เหมือนภาพตัดรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีที่โรงพยาบาล ตนเองได้รับบาดเจ็บบริเวณตาข้างซ้าย มองอะไรไม่เห็นและปวดศรีษะ และคุณหมอแจ้งว่าตนกระโหลกศีรษะแตก และตาบอดร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนเองมาทราบภายหลังว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร และยืนยันว่าตนเองไม่เคยรู้จักและไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน จึงไม่รู้ว่ามาทำร้ายตนเองทำไมแต่รู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นขาใหญ่ในพื้นที่บางพลีและยังโพสต์เฟซบุ๊กท้าทาย ขมขู่ว่าเมื่อไหร่จะเอาตำรวจมาจับ

                                                                    ผู้ต้องหา

กัน จอมพลัง บอกว่า หลังจากที่ผู้เสียหายมาน้องขอความช่วยเหลือ ตนเองรู้สึกว่าผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมค่อนข้างกร่างในพื้นที่ ไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมาย และเลือกก่อเหตุแบบไม่เลือกบุคคล ลักษณะเหมือนเจอใครลงมือหมดและหลังก่อเหตุไม่มีการมาเยียวยาผู้บาดเจ็บ ซึ่งยังใช้ชีวิตอย่างปกติและยังโพสต์โซเซียลท้าทายผู้บาดเจ็บ โดยไม่มีการสำนึก ตนเองได้ประสานพันตำรวจวิโรจน์ ตัดโส สภ.บางพลี เพื่อติดตามคดี

พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี ระบุว่า เบื้องต้น จากการตรวจสอบพยานหลักฐาน แล้วนั้น สามารถออกหมายจับผู้ก่อเกตุ ทั้ง 2 ราย โดยมีการขออนุญาตหมายศาลเป็นที่เรียบร้อย “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัส” หากสืบตามจับกุมได้แล้วนั้น และมีการสอบปากคำผู้ต้องหา และได้รับใบรับรองแพทย์มายืนยันว่า ผู้บาดเจ็บเองได้รับการรักษา เกินกว่า 20 วันนั้น จ่อแจ้งข้อหาผู้ต้องหา “พยายามฆ่า“ ต่อไป

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการ ออกหมาย จับ นาย อัครเดช หรือ เวฟ (สงวนนามสกุล) (จันทร์เปรม ) อายุ 18 ปี  ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์  และ นาย  ธวัชชัย หรือ ตั้ม  สมนึก อายุ 36 ปี  ผู้ต้องหา ซึ่งยอมรับว่า ทางด้านผู้บาดเจ็บเองนั้นได้มีการขับรถออกไปยังจุดเกิดเหตุจริง แต่ทางด้านผู้ต้องหา ได้มีการดักซุ่มรอเอาไว้ โดยพฤติการณ์ก่อนหน้านั้น ทางผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้มีการขับรถวนดู วนตามหาคู่กรณี ที่เป็นหลานของผู้บาดเจ็บ ตามจุดต่างๆ โดยเป็นพฤติการณ์ที่ผู้ต้องหา มีเจตนาที่หวังจะมาก่อเหตุ โดยมีการ นำไม้เบสบอลมาเป็นอาวุธ และตรวจสอบ กล้องวงจรจรปิดเห็นชัดเจนว่ามีอาวุธ เตรียมเพื่อมาก่อนเหตุ ซึ่งเมื่อทราบตัวผู้กระทำผิด หลังจากตำรวจ ออกหมายจับแล้วนั้นผู้ต้องหา ทั้ง 2 รายได้มีการหลบหนี ไปและครอบครัวของหนึ่งใน ผู้ก่อเหตุ เอง พ่อของเขาเองนั้น ยังคง ติดอยู่ในเรือนจำ  และได้มีการลงพื้นที่ไปยังบ้าน ของผู้ต้องหาแล้วนั้น ไม่พบเจอผู้ต้องหา เนื่องจาก หลบหนีไปตั้งแต่หลังก่อเหตุ

หลังจากนั้น กัน จอมพลัง และทีมข่าว ได้เดินทางไปยัง หมู่บ้านเกาะบางโฉลง ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่กลุ่มผู้ก่อเหตุพักอาศัย โดยมี นายวิษณุ ลอยแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน พาเดินทางไปยังบ้านผู้ก่อเหตุ พบว่าบ้านผู้ก่อเหตุเป็นบ้านปูนยกสูงชั้นเดียวหลังสีฟ้า และประตูหน้าบ้านถูกล็อกด้วยแม่กุญแจ ไม่มีคนอยู่ในบ้าน

นายวิษณุ ลอยแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า นายธวัชชัย(หรือตั้ม) สมนึก ผู้ต้องหา เป็นคนมีนิสัยก้าวร้าว ควบคุมสติอารมณ์ไม่อยู่เวลาโมโห สาเหตุมาจาก นายตั้ม เคยต้องโทษคดีค้ายาเสพติด และเข้าไปอยู่ในคุกมานาน 10 กว่าปี และพึ่งออกมาได้ไม่นาน โดย นายตั้ม อยู่แถวนี้มีลักษณะเป็นขาใหญ่ มีลูกน้อง

ขณะที่ กัน จอมพลัง กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุได้มีการท้าทายบอกว่า “กูรออยู่ ไม่เห็นมีใครมาเลย” วันนี้จึงได้มาหาแต่ไม่เห็นมีใครอยู่เลย คุณก่อเหตุทำร้ายคนอื่นแต่ยังไม่มีจิตสำนึก เวลานี้อยากให้มามอบตัวเพราะหนียังไงก็หนีไม่พ้น และเปลี่ยนตัวเองใหม่ซะ เพราะคุณก็คงมีดีอย่างเดียวก็คือปาก เก่งกับคนไม่มีทางสู้เท่านั้น


        
ด้านผู้เสียหายได้เดินทางไปยังกระทรวงยุติธรรมเพื่อไปดำเนินเรื่องเกี่ยวกับการเยียวยา โดยทางด้านกระทรวงยุติธรรมได้ให้การช่วยเหลือและรับเรื่องดำเนินการให้        โดยจำนวนวงเงินนั้น ทางด้านกระทรวงยุติธรรมยังมีการระบุว่าจะสามารถชดเชยเงินให้จำนวนเท่าใด แต่ค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลรวมแล้วประมาณ 370,000 บาท ซึ่งเป็นเอกสารที่ทางโรงพยาบาลได้รวบรวมให้ตนเองมา ขณะนี้อยู่ในขั้นขั้นตอนกระบวนการดำเนินการของกระทรวงยุติธรรมต่อไป