ฝนตกชุก ผลผลิตดก เกษตรกรปลูกสวนกระเพราเศร้า รายได้หด จากถุงละ 100 เหลือ 50 บาท

ฝนตกชุก ผลผลิตดก เกษตรกรปลูกสวนกระเพราเศร้า รายได้หด จากถุงละ 100 เหลือ 50 บาท





ad1

ขอนแก่น-ฝนตกชุก เกษตรกรผู้ปลูกสวนใบกะเพรารายได้หด ราคาตก จากถุงละ 100 บาทเหลือ 50 บาท เหตุผลผลิตออกสู่ท้องตลาดเยอะกว่าความต้องการของผู้บริโภค ขณะที่หลายพื้นที่เร่งเตรียมแปลงบวบงู ผักตามฤดูกาลที่ตลาดมีความต้องการมากในขณะนี้

เกษตรกรพื้นที่บ้านบึงไคร่นุ่น ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นแหล่งปลูกพืชผักรายใหญ่ของ จ.ขอนแก่น กำลังเดือดร้อนหนัก หลังฝนตกลงมาที่ จ.ขอนแก่น อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขต อ.เมืองขอนแก่น ทำให้ผักกระเพราออกผลผลิตเยอะกว่าช่วงปกติ จึงทำให้ราคาตกอย่างมากในขณะนี้ ขณะที่เกษตรกรบ้านบึงสวางค์ ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น กำลังเร่งเตรียมแปลงปลูกบวบงู เพื่อให้ทันต่อช่วงหน้าฝนที่กำลังจะมาถึง

นางระบล เดชแพง อายุ 68 ปี เกษตรกรผู้ปลูกผักกระเพรา บ้านบึงไคร่นุ่น  กล่าวว่า กระเพราปลูกไม่ยาก ในช่วงตกที่ผ่านมาออกใบเยอะมากจึงทำให้ ราคาตกลงมาแบบครึ่งต่อครึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ถุงละ 25 กำ ราคาขายส่งอยู่ที่ 100 บาท แต่สัปดาห์นี้ถุงละอยู่ 25 กำราคาจำหน่ายอยู่ที่ 50 บาท ซึ่ง สาเหตุที่ราคาถูกในช่วงนี้เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก

"ช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. ช่วงนั้นราคาจะสูงเพราะผลผลิตออกน้อยแต่ความต้องการเท่าเดิมจึงทำให้ราคาช่วงนั้นดีมากและปลูกขายไม่ทัน เพราะกระเพราเป็นผักที่ทุกร้านอาหารนำไปประกอบอาหารเป็นอาหารจานหลัก ซึ่งเกษตรกรจะมองว่าผักกระเพราเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของผักภาคอีสานที่ขาดไม่ได้ ซึ่งที่สวนจะมีพ่อค้า แม่ค้าจากค้าส่งผักรายใหญ่ของภารอีสาน มารับถึงแปลงเป็นประจำ และมียอดสั่งซื้อผักแบบหมุนเวียนไปตามฤดูกาล ทำให้ครอบครัวต้องเตรียมแปลงเพาะปลูกผักตามฤดูกาลกันตลอดทั้งปี"

ขณะที่นายบุญ แก้วสวนจิก อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 ม.5 บ้านบึงสวางค์ ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ปีนี้ราคาพริกค่อนข้างจะดีกว่าปีที่ผ่านๆมา เพราะมีการปรับขึ้นปรับลง และขณะนี้ได้เตรียมแปลงไว้ปลูกบวบงู บนพื้นที่ประมาณ 2 งาน แต่ก็ห่วงว่าปีนี้น้ำจะท่วมเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝนและน้ำที่จะปล่อยมาจากจ.ชัยภูมิ และ จ.หนองบัวลำภู

"หมู่บ้านของเราเป็นพื้นที่รับน้ำ ทุกวันนี้ชาวบ้านก็ทำการเกษตรแบบเสี่ยงๆ ทุกครั้งที่ปลูกเสร็จน้ำก็จะน้ำท่วม แต่การปลูกผักของชุมชนของเราเป็นอาชีพทำเลี้ยงครอบครัว ไม่ว่าจะฝนดีหรือไม่ดี ท่วมหรือไม่ท่วมก็ต้องทำอาชีพนี้เหมือนเดิม ขณะที่การเยียวยาขึ้นอยู่กับมาตรการของทางรัฐบาลแม้จะไม่คุ้มค่าที่ลงทุนไปแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย"