สมาคมออร์โธปิดิกส์ฯผนึกสธ.-รพ.ปัตตานีเปิดโครงการเสริมสร้างกระดูก แข็งแรงทั่วไทยสัญจรครั้งที่ 2/2566
สมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี โรงพยาบาลปัตตานี กำหนดจัดโครงการเสริมสร้างกระดูก แข็งแรงทั่วไทย สัญจรครั้งที่ 2/2566
วันนี้ (11 ก.ค.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานวานนี้ ที่ห้องประชุมใหญ่ชั้น 9 อาคารวชิรประชาเวช โรงพยาบาลปัตตานี นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานเปิดโครงการเสริมสร้างกระดูก แข็งแรงทั่วไทย สัญจรครั้งที่ 2/2566 ที่จังหวัดปัตตานี ครั้งที่หนึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดสระแก้วมาก่อนหน้านี้ ซึ่งสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี และโรงพยาบาลปัตตานี จัดขึ้น โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ อสม.เข้าร่วมในพิธีกว่า 500 คนจาก12อำเภอของจังหวัดปัตตานี
การจัดโครงการในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ ป้องกัน รักษาโรคทางออร์โธปิดิกส์ และเพิ่มพูนองค์ความรู้ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ในด้านส่งเสริม ป้องกันรักษา และฟื้นฟูสภาพในผู้ป่วยสูงอายุกระดูกสะโพกหักที่มีภาวะโรคกระดูกพรุนได้ ภายในงาน มีการบรรยายพิเศษสำหรับประชาชน แพทย์ทั่วไป แพทย์ใช้ทุน และพยาบาล บริการตรวจมวลกระดูก นิทรรศการเกี่ยวกับเทคโนโลยีการป้องกันรักษาโรคกระดูก
นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้เข้าร่วมตรวจสอบสุขภาพกระดูกท่ามกลางลุ้นของบุคลากรการแพทย์กับวัย57ปีกับน้ำหนักส่วนสูง ผลที่ออกมาที่1.17 T-score ถือว่าปกติในเกณฑ์ดี ทำให้ผู้ว่ายิ้มบาน ภายในงานได้มีการจัดบูธเพื่อแนะนำสุขภาพและอาหารเสริมกับกระดูกมีผู้เข้าร่วมประชุมให้ความสนใจกันมากเข้ามารับบริการตรวจสอบค่ากระดูกก่อนที่จะรับการฟื้นฟู่ ในโอกาสต่อไป โดยผู้เข้าร่วมอบรมให้ความรู้ในครั้งนี้ ประกอบด้วยหัวหน้าโรงพยาบาลศูนย์สุขภาพ พยาบาล และอาสาสมัครอนามัย อสม.ทั้ง12อำเภอในเขตพื้นที่จังหวัดปัตตานีอย่างเนืองแน่น โดยมีนายแพทย์รูสตา สาและ ผอ.โรงพยาบาลปัตตานีค่ออำนวยความสะดวกในสถานที่เป็นอย่างดี
ศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช นายกสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า สมาคมฯมีความมุ่งหมายที่จะสร้างเสริมให้ประชาชนไทยมีความแข็งแรงทางด้านกระดูกและข้อ ปัจจุบันมีหมอด้านนี้ประมาณ 3 พันคน กระจายดูแลประชาชนทั่วประเทศทุกจังหวัด การจัดโครงการครั้งนี้เพื่อให้ความรู้แก่ อสม.ได้มีความรู้ความเข้าใจ สามารถดูแลตัวเอง ดูแลประชาชนในพื้นที่ที่ตัวเองอยู่ ทำให้ประชาชนได้ดูแลตัวเองได้ ได้รู้ว่าเมื่อมีความเจ็บป่วยด้านโรคกระดูกแล้ว จะดูแลรักษาอย่างไร ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ จะมีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้โรคเกี่ยวกับกระดูกเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย การได้รับความรู้ก็จะสามารถดูแลตนเองไม่ให้เกิดโรคดังกล่าวได้
