เจ้าของบ้านแจ้งตำรวจจับสายตรวจสภ.พล บุกรุกยามวิกาล ด้านผกก. ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

เจ้าของบ้านแจ้งตำรวจจับสายตรวจสภ.พล บุกรุกยามวิกาล ด้านผกก. ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย





ad1

เมื่อเวลา 15.00น.วันที่ 24 ก.ย.2565 ที่ สภ.พล จ.ขอนแก่น น.ส. กชกร ไชยเสนา อายุ 45 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 192 ม.12 ซอยสาธารณสุข ถนนริมทางรถไฟ  ต.โจดหนองแก อ.พล จ.ขอนแก่น  นำวงจรปิด ที่บันทึกภาพตำรวจสายตรวจรถยนต์ประจำ สภ.พล บุกรุก เข้าไปในบริเวณบ้านในยามวิกาล แล้วมีพฤติกรรมน่าสงสัย  เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ภูเบศ ศรีเปี้ย สว.(สอบสวน)สภ.พล จ.ขอนแก่น เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ และให้ดำเนินคดีกับตำรวจที่ปรากฏตามภาพในวงจรปิดตามกฏหมาย

ภายหลังเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวนได้ลงพื้นที่ ตรวจที่เกิดเหตุ ตามที่มีภาพปรากฏตามคลิปที่วงจรปิดบันทึกภาพตำรวจขณะบุกรุกเข้าในบริเวณบ้านของประชาชนในยามวิกาล  ซึ่งจุดดังกล่าว เป็นจุดจอดรถของบ้านนางสาว กชกร ไชยเสนา  โดยมีรถยนต์เก๋งสีดำจอดอยู่ 2 คน คันแรกที่จอดใกล้ประตูทางเข้าคือ      รถเก๋งสีดำ ยี่ห้อโตโยต้า วีออส ทะเบียน ขย-8774 ขอนแก่น คันที่สองเป็นรถเก๋งยี่ห้อ BMW

ทั้งนี้ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณลานจอดรถบันทึกภาพรถยนต์สายตรวจสภ.พล ผ่านบริเวณประตูบ้านในช่วงเวลา 00.30 น.วันที่ 24 กย. 2565  ซึ่งเมื่อผ่านไปไม่นานก็ถอยรถกลับ เพราะซอยดังกล่าวเป็นซอยตัน เมื่อถอยออกมาตรงประตูทางเข้าบ้านก็จอดรถยนต์แบะส่องไฟฉายเข้ามาบริเวณที่จอดรถ จากนั้นก็ถอยรถออกไปที่ปากซอย ไม่นานก็ขับกลับมาและจอดบนถนนบริเวณทางเข้าบ้าน จากนั้นเวลาประมาณ 00.33 วันที่ 24 ก.ย. 2565   ตำรวจสายตรวจซึ่งแต่งเครื่องแบบนั่งบริเวณเบาะหลังของรถยนต์สายตรวจ ก็เดินลงจากรถ และเดินเข้าไปในลานจอดของประชาชน จากนั้นก็นั่งยองๆ โดยมือข้างขวา คล้ายๆจะควานหาสิ่งของ จากนั้นก็เดินขึ้นรถ และถอยรถออกจากซอยไป และในการตรวจจุดที่เกิดเหตุตามวงจรปิดนั้น พนักงานสอบสวนได้ให้พลขับมุดดูสิ่งของแปลกปลอมใต้ท้องรถแต่ไม่พบ จึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน

น.ส. กชกร ไชยเสนา อายุ 45 ปี  เปิดเผยว่า     ช่วงเย็นขับรถออกไปกินข้าวกับเพื่อน กลับเข้าบ้านมาพักผ่อนช่วง 5 ทุ่ม ก็เข้านอนตามปกติ  กระทั่งเช้ามืดของวันที่ 24 ก.ย.ลูกสะใภ้มาบอกว่า เมื่อคืนตำรวจเข้ามาในบ้าน จึงเปิดวงจรปิดดู ก็พบตำรวจขับรถสายตรวจมาจอดที่ประตูทางเข้าบ้าน และมีตำรวจสายตรวจเดินเข้ามาในบ้านท่าทางมีพิรุธ เพราะคิดว่าตำรวจไม่น่าจะถือวิสาสะที่คิดว่าแต่งเครื่องแบบตำรวจแล้วจะเดินเข้าบ้านประชาชนในยามวิกาลแบบนี้ก็ได้  มันคงไม่ใช่เรื่องที่ปกติ  จึงบันทึกภาพจากวงจรปิดนำเป็นหลักฐานเข้าแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีกับตำรวจสายตรวจสภ.พล ที่บุกรุกเข้าพื้นที่บ้านในยามวิกาลครั้งนี้ตามกฎหมาย  แต่ตัวเองไม่เก่งกฎหมาย จึงได้ปรึกษากับพี่ชายที่เป็นทนายความให้พาเข้าแจ้งความ

“ ฝากถึงนายตำรวจผู้ใหญ่ว่า  ไม่ต้องให้สายตรวจมาขอโทษ เพราะผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ และตำรวจทุกนายรู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก ถ้ามองว่า ปฏิบัติหน้าที่ แล้วต้องบุกรุกบ้านประชาชนในยามสิกาลเช่นนี้หรือ เพราะเราไม่ได้ทำผิดกฎหมาย จะบุกรุกบ้านเราไม่ได้ ขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับตำรวจสายตรวจรายนี้ให้ถึงที่สุด”

ทางด้านนายปกาญจน์  นพศรี อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 ม.7 บ้านหัวหนองแวง ต.ดอนดู่ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ประธานสภาทนายความศาลจังหวัดพล  กล่าวว่า  หลังจากดูคลิปจากวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมของตำรวจสายตรวจสภ.พล ที่บุกรุกเข้าในบ้านของประชาชนแล้ว ก็เกิดความคลางแคลงในใจได้เหมือนกัน  เพราะตำรวจควรรู้ว่า เข้าบ้านประชาชนในยามวิกาลนั้นไม่ได้ ขนาดมีหมายจับ หมายค้น ยังต้องปฏิบัติหน้าที่เวลากลางวัน แต่ตามคลิปที่วงจรปิดบันทึกได้เป็นเวลาหลังเที่ยงคืน  ตำรวจเข้าไปนั่งทำอะไรที่ลานจอดรถในบ้านของประชาชน  เมื่อเจ้าของบ้าน ไม่ยินยอมและต้องการแจ้งความจับตำรวจสายตรวจรายนี้ จึงต้องพามาแจ้งความให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะตามพฤติกรรมที่ดูจากวงจรปิดแล้ว ความผิดชัดเจนในข้อหา บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน

ขณะที่ พ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงษ์วิจารณ์ ผกก.สภ.พล  กล่าวว่า  อยากอธิบายว่า ไม่ใช่การที่ ตำรวจจะบุกรุกบ้านใครก็ได้  แต่เนื่องจาก คืนวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ รับแจ้งเหตุ มีชายวัยรุ่น เอาอาวุธปืนไปข่มขู่คู่อริที่ร้านอาหารในเขตเทศบาลเมืองเมืองพล  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบไปตรวจสอบที่ร้านดังกล่าว จนทราบว่า มีคนมาก่อเหตุใช้อาวุธปืนข่มขู่กันในร้านจริง คนก่อเหตุ ทราบเพียงชื่อเล่นว่ายีน ขับขี่รถยนต์เก๋งสีดำ ไม่ทราบทะเบียน หลบหนีออกจากร้านไปแล้ว  เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจึงออกตามหาตัวนายยีน  โดยขับขี่เข้าไปในซอยดังกล่าว เพื่อหาตัวนายยีน กระทั่งพบรถเก๋งสีดำจอดเรียงกันอยู่ 2 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 3 คัน ลักษณะคล้ายที่จอดรถของหอพัก บ้านเช่า และประตูทางเข้าไม่ได้ปิด ตำรวจสายตรวจจึงลงจากรถ เข้าไปจับดูท่อไอเสียว่า ร้อนหรือไม่ เมื่อจับแล้วไม่ร้อนก็กลั บออกไป

" ทั้งหมดคือความจริงที่จะบอกประชาชนให้ทราบว่า ตำรวจปฏิบัติหน้าที่จริง ไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งใคร  แต่ถ้าอธิบายความจริงแล้ว เจ้าของบ้านยังรับไม่ได้ ประสงค์จะดำเนินคดีตามกฏหมายก็ต้องปล่อยไปตามขบวนการของกฏหมายให้ศาลเป็นผู้พิจารณาว่า ตำรวจปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ เป็นการบุกรุกหรือไม่  และขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผิดว่ากันไปตามผิด แต่ต้องมีความเป็นธรรมด้วย"