ปชส.ปราจีนฯ นำสื่อทัวร์แหล่งท่องเที่ยวบูมท่องเที่ยวบูรพา-กระตุ้นเศรษฐกิจ

ปชส.ปราจีนฯ นำสื่อทัวร์แหล่งท่องเที่ยวบูมท่องเที่ยวบูรพา-กระตุ้นเศรษฐกิจ





ad1

ปราจีนบุรี –ประชาสัมพันธ์ จ.ปราจีนบุรี ได้นำสื่อมวลชน จ.ปราจีนบุรี รวมกว่า 40 คนทัศนศึกษาเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดปราจีนบุรี และ ใกล้เคียงคือ จ.สระแก้ว   ในการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยว – กระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่  26 มิ.ย.2565  ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี รายงานว่า  เมื่อเร็ว ๆ นี้   ทางสำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.ปราจีนบุรี  นำโดย  นายณรงค์พันธ์  เจนประกอบกิจ ประชาสัมพันธ์ จ.ปราจีนบุรี  ได้นำสื่อมวลชน จ.ปราจีนบุรี รวมกว่า 40 คน จัดกิจกรรมโครงการพัฒนาเครือข่ายสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ผ่านโทรศัพท์มือถือ   ทั้งสื่อวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ตลอดจนสื่อออนไลน์อิเลคทรอนิคส์ อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ ทัศนศึกษาเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดปราจีนบุรี และ จ.สระแก้ว

ณรงค์พันธ์ การเจนประกอบกิจ ประชาสัมพันธ์ จ.ปราจีนบุรี 

นายณรงค์พันธ์  กล่าวว่า  กิจกรรมดังกล่าวเป็นโครงการพัฒนาเครือข่ายสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์ผ่านโทรศัพท์มือถือ นำสื่อมวลชน จ.ปราจีนบุรี   ทัศนศึกษาเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดปราจีนบุรี และ ใกล้เคียงคือ จ.สระแก้ว   ในการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยว – กระตุ้นเศรษฐกิจ  ตลอดจนสร้างความสามัคคี รวมพลังสื่อสารมวลชน ในการ เป็นสื่อกลาง ระหว่างภาครัฐ กับ ประชาชน เพื่อการสื่อสารในการพัฒนาในด้านต่าง ๆ

โดยเฉพาะ หลังสถานการณ์โควิด -19 คลี่คลาย  ที่จะสื่อสารให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวภายใน จ.ปราจีนบุรี หรือ จากพื้นที่ใกล้เคียงกัน  ทั้งนี้โดยสื่อกลางในการใช้สื่อสารภาพ เสียงที่สำคัญในยุคนี้คือผ่านโทรศัพท์มือถือ 

ที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการอบรมให้ความรู้การสื่อสาร ข้อมูลพัฒนา จังหวัดด้านต่าง ๆ กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารมวลชน – คุณธรรมจริยธรรมสื่อมวลชน การใช้โปรแกรมตัดต่อเพื่อนำเสนอข่าว – ภาพผ่านมือถือก่อนหน้านี้แล้ว อันเป็นการนำความรู้ – ประสบการณ์ที่ได้รับมาปรับใช้ในสถานการณ์จริงดังกล่าว

โดยได้ นำมาที่วัดกระแจะ   ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีอายุกว่า 250 ปี อยู่ในพื้นที่ ตำบลท่างาม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี นมัสการศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ปัจจุบันยังมีซากโบสถ์เก่าแก่เป็นโบราณสถานหลงเหลืออยู่   

มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระเจ้าเจ้าตากสินมหาราช กล่าวคือ   เดิมชื่อ วัดกบแจะ เป็นพื้นที่ ตั้งค่ายกบแจะ ของพระยาตากก่อนเสียกรุงราว 3 เดือน    พระเจ้าตากเมื่อยังเป็นพระยาตาก ได้พาสมัครพรรคพวกไพร่พลไทย-จีนจำนวนหนึ่ง ตีฝ่ากองทัพอังวะมุ่งหน้าไปทางชายทะเลตะวันออก เส้นทางพระเจ้าตากจากอยุธยาไปเมืองจันทบุรี

 วันเสาร์ ตอนเที่ยงคืน ปลายปี พ.ศ. 2309 (ก่อนกรุงแตก พ.ศ. 2310) เกิดไฟไหม้ขึ้นในพระนครศรีอยุธยา ไฟไหม้ในพระนครยังไม่ดับ พระยาตากก็ยกสมัครพรรคพวกไพร่พลไทยจีนออกจากค่ายวัดพิชัย เดินทัพมุ่งตะวันออกไปทางบ้านหันตรา, บ้านข้าวเม่า, บ้านสามบัณฑิต, โพสาวหาญ ปะทะไพร่พลของอังวะที่ล้อมกรุงเป็นครั้งคราว แล้วรอดได้จนถึงบ้านพรานนก หยุดพักแรม 

จากนั้นเดินทางเลียบที่ดอนเชิงเขา (เขต อ. หนองแค สระบุรี ต่อเนื่องนครนายก) ไพร่พลและชาวบ้านที่เลื่อมใส พากันยกพระยาตากเป็นพระราชาเสมือนเป็นพระเจ้าตาก แล้วหยุดประทับที่ตำบลหนองไม้ซุง เมืองนครนายก

พระเจ้าตากยกพลรอนแรมไปอีกสองวันก็ถึงบ้านนาเริ่ง (เขตเมืองปราจีนบุรี) ข้ามน้ำที่ด่านกบแจะ (มีบอกในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา และฉบับอื่นๆ อีก)

ด่านกบแจะ เป็นด่านควบคุมดูแลเส้นทางคมนาคม บริเวณสามแพร่งลำน้ำ 2 สายไหลสบกัน คือ แม่น้ำปราจีนบุรี (ต้นน้ำบางปะกง) ไหลมาจากเทือกเขาสอยดาว เมืองจันทบุรี กับคลองประจันตคาม ไหลมาจากเทือกเขาใหญ่ ในหน้าร้อนสงกรานต์ น้ำแห้ง คนเดินข้ามได้สะดวก จึงเป็นเส้นทางสำคัญของชาวบ้านยุคอยุธยา ใช้เดินไปมาค้าขายและหาของป่า กับเป็นเส้นทางเดินทัพ  จึงมีด่านทางเรียก ด่านกบแจะ อยู่บริเวณวัดกระแจะ บ้านวังกระแจะ ต. ท่างาม อ. เมือง จ. ปราจีนบุรี (ชื่อวัดกระแจะ กลายจากชื่อ ด่านกบแจะ)

 ให้พักรี้พลหุงอาหาร กินเสร็จแล้วเดินทัพข้ามทุ่งไปจนตกเย็น หยุดพักทัพรอสมัครพรรคพวกที่ตามไม่ทันอยู่ 3 วัน (เอกสารบางเล่มบอกว่าอยู่ชายดงศรีมหาโพธิ์ เขตติดต่อ อ. ศรีมหาโพธิ กับ อ. ศรีมโหสถ จ. ปราจีนบุรี) 

ด่านกบแจะ หรือวัดกระแจะ ในปัจจุบัน คือจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของการกู้ชาติ หากพระยาตากพาทัพไปทางเขมร หรือนครราชสีมานั่นก็หมายความว่าพระยาตากต้องการหนีพม่าสถานเดียวเท่านั้น แต่เมื่อพาสมัครพรรคพวกบุกมาถึงด่านกบแจะ นั่นหมายความว่าท่านคิดจะกลับไปกู้ชาติ จึงเลือกเส้นทางนี้

แต่นานไม่ถึง 9 เดือนหลังจากเสียกรุง พระยาตากได้ประกาศพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ ที่คนทั่วไปเรียกกันภายหลังว่าพระเจ้าตาก ยกกองทัพเรือจากเมืองจันทบุรีไปยึดคืนกรุงศรีอยุธยา แล้วฟื้นฟูราชอาณาจักรอยุธยาขึ้นมาใหม่ ชื่อ กรุงธนบุรี

จากนั้น ได้ไปที่  ปราสาทสด๊กก๊อกธม ตั้งอยู่ในอำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เป็นปราสาทขอมโบราณที่สำคัญของจังหวัดสระแก้ว และใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 14 เพื่อใช้ประดิษฐานรูปเคารพและใช้ประกอบพิธีกรรมตามคติความเชื่อ ในลัทธิศาสนาฮินดู คำว่าสด๊กก๊อกธม หมายถึง “ เมืองที่มีต้นกกขึ้นรกในหนองน้ำใหญ่ ” ปัจจุบันยังพอมองเห็น หนองน้ำใหญ่ในอดีตอยู่ใกล้ ๆ ปราสาทนั่นเอง สิ่งที่มีคุณค่าและสำคัญยิ่งของปราสาทสด๊กก๊อกธม คือ การพบหลักศิลาจารึกสด๊กก๊อกธม (หลักที่ 2) ซึ่งจดบันทึกเรื่องราว ประวัติศาสตร์ของชนชาติขอมเป็นช่วงระยะเวลานานถึง 200 ปี

ตัวปราสาทก่อด้วยหินทรายมีซุ้มประตูเหลืออยู่เพียงด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเท่านั้น ภายใน ระเบียงคตมีบรรณาลัยก่อด้วยหินทราย 2 หลังอยู่หน้าปราสาทหลังกลางซึ่งเป็นปรางค์ประธาน ด้านนอกปราสาททางทิศตะวันออกมีสระน้ำขนาด ใหญ่รูปสี่เหลี่ยม มีถนนปูด้วยหินจากตัวปราสาทไปจนถึงสระน้ำ

ปราสาทสด๊กก๊อกธม ประกอบด้วยองค์ปราสาท 3 หลัง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตัวปราสาทก่อด้วยหินทรายและศิลาแลงตามลักษณธศิลปะเขมรแบบคลัง-บาปวน ผังปราสาทด้านนอกเป็นกำแพงแก้วก่อด้วยศิลาแดง มีทางเข้าหลักคือซุ้มประตูด้านทิศตะวันออกสร้าง ด้วยหินทราย ผ่านโคปุระเข้ามาจะพบคูน้ำรูปตัวยูล้อมปราสาท 4 ด้าน  มี มีกำแพงแก้ว 2 ชั้น ชั้นนอกทำด้วยศิลาแลง ชั้นในทำด้วยหินทราย

ถัดเข้าไปเป็นระเบียงคดล้อมรอบตัวปราสาท มีโคปุระอยู่กึ่งกลางกำแพง ปราสาทมีปรางค์ประธานอยู่บริเวณตรงกลาง ด้านหน้าปรางค์ประธาน ส่วนบริเวณมุมระเบียงคดเป็นที่ตั้งของบรรณาลัยสองหลัง สันนิษฐานว่าเป็นที่เก็บตำรา คัมภีร์ปราสาทนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเช่นเดียวกับปราสาทขอมอื่นๆ ด้วยความเชื่อของขอมที่ว่า ทิศตะวันออกเป็นทิศแห่งพลังแสงสว่าง และสิริมงคล ส่วนทิศตะวันตกเป็นทิศแห่งความตาย

ปรางค์ประธานเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ ล้อมรอบด้วยเสาเป็นปริมณฑลบ่งบอกว่าเป็น เขตศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ภายในปรางค์ประธานเดิมเป็นที่ ประดิษฐานศิวลึงค์อันเป็นรูปเคารพแทนองค์ปพระศิวะ หนึ่งในเทพสูงสุดสามองค์ของฮินดู บ่งบอกว่าปราสาทแห่งนี้เป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกายซึ่งนับถือพระศิวะเป็นใหญ่ ปัจจุบันเหลือแต่เพียงฐานโยนีเท่านั้น

นอกจากนี้ผังปราสาทยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อเรื่องจักรวาลของศาสนาฮินดู โดยมีเขาพระสุเมรุ อยู่กึ่งกลางล้อมด้วยห่วงน้ำมหึมา เมื่อเดินเข้าโคปุระด้านทิศตะวันออกของกำแพงแก้ว ผ่านคูน้ำและระเบียงคดเข้าไป ก็เท่ากับได้เข้าสู่ใจกลางจักรวาล

และก่อนเดินทางกลับ  ได้นำเที่ยวเลือกซื้อสินค้าที่ตลาดโรงเกลือ หรือ  ตลาดชายแดนบ้านคลองลึก ตั้งอยู่ในเขตอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ใกล้กับด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ-ปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา เป็นตลาดการค้าชายแดนภาคตะวันออกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้ง ปลีก-ส่ง สินค้ามือสองที่มี ชื่อเสียง มาช้านาน ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวนับพันนับหมื่นคนมาจับจ่ายสินค้าแบรนด์เนม ราคาถูก คุณภาพดี ที่มาจากทั่วทุกมุมโลก

 มานิตย์   สนับบุญ/ปราจีนบุรี  รายงาน