“กรมศุลกากร” จับชาวต่างชาติ กลืนโคเคนลงท้อง

“กรมศุลกากร” จับชาวต่างชาติ กลืนโคเคนลงท้อง





ad1

ยิ่งกว่าในหนัง!! “กรมศุลกากร” จับชาวต่างชาติ กลืนโคเคนลงท้อง-ซุกกระเป๋าเดินทาง เข้าสนามบิน มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท

นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เผยว่า ปัจจุบันไทยได้เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น กรมศุลกากรจึงเข้มงวดสกัดกั้นยาเสพติดที่อาจลักลอบเข้าไทยพร้อมผู้โดยสาร โดยกรมศุลกากรร่วมกับเจ้าหน้าที่ (AITTF) ตรวจพบผู้โดยสารชาวต่างชาติ ลักลอบนำยาเสพติดเข้าไทย ผ่านสนามบิน 2 แห่ง ระหว่างวันที่ 9-13 มิ.ย. ได้ดังนี้

1. เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต ตรวจค้นผู้ต้องสงสัยเพศชาย อายุ 29 ปี สัญชาติแอฟริกาใต้ เดินทางมาจากกรุงแอดดิสอาบาบา ถึงปลายทางท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต 9 มิ.ย. เวลาประมาณ 12.30 น. ผลการตรวจสัมภาระไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่พบข้อพิรุธที่อาจจะลักลอบกลืนยาเสพติด จึงนำตัวไป รพ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อเอกซเรย์ 

จากการตรวจสอบภาพเอกซเรย์ พบสิ่งแปลกปลอมจำนวนมาก รูปร่างทรงกลม และทรงรีในช่องท้อง ผู้ต้องหายอมรับว่าตนได้กลืนยาเสพติด (ไม่ทราบชนิด) เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวไปยังด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อนำสิ่งแปลกปลอมดังกล่าวออกมาจากร่างกาย 

ผลการตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมดังกล่าว พบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน จำนวนรวม 115 ก้อน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 1.49 กิโลกรัม มูลค่า 4.47 ล้านบาท ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต จึงได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสาคู เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

2. เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตรวจค้นผู้ต้องสงสัย 3 ราย เดินทางมาจากบราซิล โดยทำการเอกชเรย์และตรวจค้นกระเป๋าเดินทาง 5 ใบ พบยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน (COCAINE) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 15.70 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 47 ล้านบาท 

โดยซุกซ่อนภายในกระเป๋าเดินทางที่จัดทำขึ้นมาเป็นพิเศษ (ลักษณะเป็นแผ่นหนาทรงสี่เหลี่ยม ภายนอกห่อด้วยกระดาษคาร์บอนสีดำ ชั้นในห่อด้วยถุงพลาสติก) เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

กรมศุลกากรยังคงมุ่งมั่นดำเนินภารกิจในการปกป้องสังคมให้ปราศจากการลักลอบนำเข้า และส่งออกสิ่งผิดกฎหมายและยาเสพติด รวมถึงบูรณาการกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อป้องกัน สกัดกั้นยาเสพติดให้โทษอย่างต่อเนื่องต่อไป