ศาลปกครองยะลาพิพากษาให้โรงเรียนอนุบาลปัตตานียกเลิกกฎระเบียบที่ขัดกับกฎกระทรวง

ศาลปกครองยะลาพิพากษาให้โรงเรียนอนุบาลปัตตานียกเลิกกฎระเบียบที่ขัดกับกฎกระทรวง





ad1

ศาลปกครองยะลาพิพากษาให้โรงเรียนอนุบาลปัตตานียกเลิกกฎระเบียบที่ขัดกับกฎกระทรวงที่ทำให้เด็กนักเรียนมุสลิมไม่สามารถคลุมฮิญาบไปเรียนได้

วันนี้(21เมย.65)ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเกิดข้อพิพากหรือข้อจัดแย้งระหว่างผู้ปกครองนักเรียนมุสลิมกับผู้บริหารโรงเรียบอนุบาลจังหวัดปัตตานี หลังจากถูกห้ามไม่ให้เด็กนักเรียนหญิงมุสลิมสวมผ้าคลุมศีรษะและเด็กนักเรียนมุสลิมชายสวมกางเกงขายาวไปเรียนได้ โดยอ้างว่าเป็นกฎระเบียบของโรงเรียนอนุบาลปัตตานี แต่ผู้ปกครองนักเรียนในขณะนั้นไม่ยอมจึงมีการโต้แย้งว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่เด็กนักเรียนสามารถแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามได้ และเป็นกฎระเบียบที่โรงเรียนฯอ้างมานั้นเป็นกฎระเบียบที่ขัดแย้งกับกฎกระทรวงศึกษาธิการที่อนุญาติให้นักเรียบสามารถคลุมฮิญาบไปโรงเรียนของรัฐได้ แต่ก็ไม่เป็นผล สถานการณ์เริ่มร้อนแรงเหมือนจะกลายเป็นประเด็นน้ำผึ่งหยดเดียวในพื้นที่ระอุขึ้นมาอีกครั้ง


จนในที่สุดผู้ปกครองและทนายความมุสลิมได้ยื่นฟ้องศาลปกครองจังหวัดสงขลาเมื่อปี พศ.2561ที่ผ่านมา และในระหว่างรอกระบวนการของศาล ผู้ปกครองได้ยื่นขอความคุ้มครองเด็กนักเรียนทั้งชายและหญิง จำนวน 20 คน เพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถแต่งกายชุดฮิญาบสวมผ้าคลุมได้ จนกระทั่งศาลปกครองได้คุ้มครองตามจำนวน20คนดังกล่าวสามารถแต่งชุดฮิญาบได้ จนถึงทุกวัน ซึ่งในตำนวนนี้นักเรียนบาวคนก็ได้เรียนจบชั้นประธมหกแล้ว จึงออกไปเรียนต่อชั้นมัธยม แต่ก็มับางคนกำลังเรียนอยู่ ที่สำคัญเมื่อมีคำพิพากษาของศาลปกครองวันนี้จะทำให้เด็กมุสลิมสามารถเข้ามาเรียนและสามารถคลุมฮิญาบตามศาสนาได้ โดยไม่ต้องถูกผู้บริหารและบรรดาครูขีดกั้นต่อไป


ด้านนางอัศรา รัฐการัณย์ หนึ่งในผู้ปกครองเด็กนักเรียน ได้เปิดใจกับทีมข่าวว่าการพิพากษาของศาลปกครองวันนี้เป็นสิ่งที่ปกครองของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานีรอคอยมาถึง4ปีเต็ม เป็นคำพิพากษาที่กำลังบอกให้สังคมมุสลิมในประเทศไทยว่าเรายังสิทธิชอบธรรมที่จะปฏิบัติและแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัดได้เหมือนเดิม ไม่สามารถที่จะเขียนกติการะเบียบเพื่อขีดกั้นไม่ให้นักเรียนแต่งกายตามหลักศาสนาที่ตยเชื่อได้อีกต่อไป ตามให้ผู้ปกครองพร้อมทั้งทนายความต่างตื้นตันใจกับคำพิพากษาที่เรารอคอย เหมือนจะตอบย้ำว่าเราเป็นประเทศที่มีดินแดนพาหุวัฒนธรรมร่วมกันอยู่มาอย่างช้านาน


หลังจากที่ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานีในขณะนั้นได้ออกคำสั่งห้ามนักเรียน สวมใส่ผ้าคลุมผม (ฮิญาบ) มาเรียน ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.61 ทำให้เมื่อวันที่ 18 พ.ค.61 ผู้ปกครองประมาณ 50 คน รวมตัวกัน เพื่อให้กำลังใจกับนางพารีด๊ะห์ อัลมุมีนี นางกดาเรีย เหมมินทร์ และ นายวันอิดริบ หะยีเต๊ะ ผู้ปกครองของนักเรียน ซึ่งถูกเชิญให้มาที่โรงเรียนเพื่อรับทราบถึงระเบียบกฏข้อห้ามของโรงเรียนให้รับทราบหลังจากลูกสาวผู้ปกครองทั้งสามได้สวมฮิญาบมาเรียน


โดยคดีการคลุมฮิญาบของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี เป็นข้อพิพาทระหว่างผู้ปกครองกับผู้บริหารและครูในโรงเรียน จนมีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ซึ่งปัญหาการคลุมฮิญาบไปโรงเรียนของนักเรียนหญิงมุสลิม ซึ่งตั้งอยู่บนที่ธรณีสงฆ์ของวัดนพวงศาราม เป็นปัญหายืดเยื้อมานาน โดยทางโรงเรียนไม่อนุญาตให้นักเรียนแต่งกายตามหลักศาสนาได้ ต้องแต่งเครื่องแบบตามระเบียบของโรงเรียนเท่านั้น อ้างว่าโรงเรียนตั้งมา 50 ปี ไม่เคยมีปัญหา และทั้งนักเรียนและผู้ปกครองก็ทราบกฎเหล็กข้อนี้ดีตั้งแต่ก่อนสอบเข้าเรียน จึงต้องยอมรับ


เมื่อปรากฏว่านักเรียนยังแต่งกายตามหลักศาสนาคลุมฮิญาบไปเรียนต่อตามระเบียบของกฎกระทรวงศึกษาธิการ แต่ผู้บริหารโรงเรียน ระบุว่า ผิดกฎระเบียบและมีการหักคะแนน โดย ผอ.โรงเรียนอนุบาลปัตตานี ได้ใช้อำนาจตัดคะแนนเด็กนักเรียนมุสลิมที่คลุมฮิญาบ ซึ่งผิดกับระเบียบของกฎกระทรวงศึกษาธิการฉบับใหม่ หรือฉบับกรณีสงฆ์เข้ามาเรียนตามปกติ จึงทำให้ผู้ปกครองของเด็กนักเรียน 20 คน รวมตัวลงนามยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลปกครองจังหวัดสงขลา เพื่อให้ศาลปกครองคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของเด็กตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ ในการปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลาม

ศาลปกครองสงขลา จึงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี วัดนพวงศาราม ออกมาแล้ว และห้ามลงโทษเด็กนักเรียนจากกรณีนี้ทันที โดยศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ให้ทุเลาการบังคับตามระเบียบโรงเรียนอนุบาลปัตตานี วัดนพวงศาราม ว่าด้วยการการควบคุม และดูแลความประพฤติ การลงโทษ และการตัดคะแนนความประพฤติของนักเรียน พ.ศ.2561 ที่ให้แต่งเครื่องแบบนักเรียนตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ข้อ 3 เฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ฟ้องคดีทั้ง 20 คน ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น ซึ่งได้สร้างความดีใจให้แก่เด็กนักเรียน และผู้ปกครองเป็นอย่างมาก

หลังได้รับความคุ้มครอง และความเป็นธรรมจากศาลปกครองในครั้งนั้น และโอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของศาลปกครองยะลา ศาลพิจารณาคดีนี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 มี.ค.65 และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 21 เม.ย. 65 โดยศาลตัดสินให้ผู้ฟ้องคดี เด็กหญิงวันอัยซาห์ เหมมินทร์ โดยนายอรุณ เหมมินทร์  กับพวกรวม 20 คน ชนะ กระทรวงศึกษาธิการที่ 1 กับพวกรวม 2 คน

ด้านผู้ปกครองของเด็กๆ ต่างรู้สึกปลาบปลื้ม น้ำตาไหลด้วยความปิติยินดีออกจากหัวใจ
 ผู้ปกครองเด็กรายหนึ่งเปิดเผยว่า “ขอบคุณพระเจ้า พวกเรารู้สึกยินดีมากๆ ที่ได้ฟังศาลปกครองจังหวัดยะลาออกมาพิจารณา และได้ตัดสินคำพิพากษาคดีจบลงในวันนี้ จากที่เรารอคอยกันมานาน”  
 

“หลังจากทางเราได้ยื่นคำร้องออกไปครั้งนั้น ตั้งแต่ปี 2561 ที่ศาลปกครองจังหวัดสงขลา จนถึงวันนี้เป็นเวลา 4 ปีแล้ว ซึ่งครั้งแรกศาลปกครองจังหวัดสงขลาได้ออกมาพิจารณาให้คุ้มครอง ต่อกรณีของเด็กนักเรียนหญิงให้สามารถแต่งกายสวมผ้าคลุมศีรษะหรือฮิญาบและสำหรับนักเรียนชายให้สวมกางเกงขายาวทั้งหมด 20 รายเอาไว้ก่อน ตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาทางรร.อนุบาลได้ขอให้ย้ายเรื่องมาที่ศาลปกครองจังหวัดยะลาและได้มาฟังคำพิจารณาของศาลในวันนี้

 ถึงแม้ว่าน้องๆ หลายคนได้เรียนจบออกไปจากโรงเรียนอนุบาลปัตตานีหลายคนแล้วแต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังเรียนอยู่ เรื่องนี้ถือเป็นกรณีศึกษาและบรรทัดฐานของ รร.อื่นๆ ทั้ง 2-4 จังหวัดอีกได้ เพราะที่เราต่อสู้เรียกร้องนั้นไม่ได้เกินเลยแต่อย่างใด เป็นระเบียบที่ถูกต้องตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการอยู่แล้ว และไม่ได้ทำให้เดือดร้อนต่อศาสนิกอื่นแต่อย่างใด วันนี้จึงขอขอบคุณอีกครั้งกับทุกคนที่ร่วมต่อสู้กันมา และขอบคุณอีกหลายคนที่ช่วยผลักดัน นักกฎหมายที่ช่วยเขียนสำนวน และอีกหลายๆ ท่านที่ขอสงวนนามไว้ด้วย”