ดีอีเอส- สตช. ปั้นมือปราบมิจฉาชีพออนไลน์

ดีอีเอส- สตช. ปั้นมือปราบมิจฉาชีพออนไลน์





ad1

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวระหว่างการเปิดงาน และมอบนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม วันนี้ (7 ก.พ. 65) ซึ่งมีพล.ต.ท. สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และผู้บริหารกระทรวงฯ เข้าร่วมในการเปิดการฝึกอบรมพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ซึ่งครอบคลุมข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรถึงผู้กำกับ

สำหรับการอบรมเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ครั้งนี้ เป็นการทำงานร่วมกันของกระทรวงดิจิทัลฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการประสานงานแก้ไขปัญหาและปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ ซึ่งรวมถึงแก๊ง Call Center ที่กำลังระบาดหนัก จึงเห็นความสำคัญของการขยายความร่วมมือในการประสานงานแก้ไขปัญหาและปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชน  ซึ่งจะครอบคลุมถึงการปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ข้ามแดนด้วย

สำหรับการจัดให้มีการฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ครั้งนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปราม และการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนให้ได้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด และในการช่วยเหลือประชาชนบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาแก๊ง call center หลอกลงทุน แอปเงินกู้ อาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ และเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินคดีช่วยเหลือผู้เสียหายต่อไป 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยหันมาใช้แอปพลิเคชั่นกันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว โดยเฉพาะการจ่ายเงินผ่านออนไลน์ ซื้อของออนไลน์ เป็นต้น ประกอบกับอาชญากรรมทางออนไลน์ก็เพิ่มขึ้น  ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ได้พบเห็นกันทั้งโลก จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่กระทรวงดิจิทัลฯ ในฐานะกำกับดูแล บทบาทตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จะเร่งการทำงานร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในภารกิจแก้ไขปัญหาและปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์

สำหรับการจัดอบรมครั้งนี้เป็นรูปแบบออนไลน์ ระยะเวลา 5 วัน เนื้อหาหลักสูตรครอบคลุม 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การอบรมด้านจริยธรรม /จรรยาบรรณที่พึ่งมีในบทบาทและอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ 2. ความรู้พื้นฐานด้านการสืบสวนและสอบสวนเพื่อบังคับใช้กฎหมาย (Law Enforcement)  และ 3.การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ (Computer Forensics)