18 ปีจาก "เจาะไอร้อง เป็นเจาะไอรัก"คนชายแดนใต้ยิ้มได้

18  ปีจาก "เจาะไอร้อง เป็นเจาะไอรัก"คนชายแดนใต้ยิ้มได้





ad1

แม่ทัพภาคที่ 4 พบปะพลังมวลชน ยืนยันเจตนารมณ์ 18 ปี จาก "เจาะไอร้อง เป็นเจาะไอรัก" วันนี้คนในพื้นที่ยิ้มได้เพราะทุกคนรวมพลังปลดปล่อยเงื่อนไขความรุนแรงด้วยสันติวิธี สู่พื้นที่สันติสุข 

 วันนี้(5 มกราคม 2565)ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดกิจกรรมแม่ทัพภาคที่4พบปะพลังมวลชนยีนยันเจตนารมณ์18ปี จาก”เจาะไอร้อง เป็นเจาะไอรัก”วานนี้เวลา19.00น. ณ ที่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 ตำบลมะรือโบออก อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วยพลโท ธิรา แดหวา แม่ทัพน้อยที่ 4/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พบปะมวลชน ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำศาสนาในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดี อำเภอเจาะไอร้อง

 และอำเภอแว้ง ร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นถึงประเด็น และแนวทางการเดินหน้าแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ถือเป็นหนึ่งคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับมวลชน นอกจากนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้ถือโอกาสมาให้กำลังใจผู้นำในพื้นที่ในการมีส่วนร่วมกับการแก้ไขปัญหา เนื่องจากวันที่ 4 มกราคม 2565 ถือเป็นวัยครบรอบ 18 ปี จุดเริ่มต้นสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ หรือ ครบรอบเหตุการณ์ปล้นปืน ค่ายทหารอำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งผู้นำในพื้นที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างการรับรู้ และความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนกับการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ก่อนร่วมอวยพรปีใหม่  พร้อมกันนี้ได้มอบของที่ระลึกเนื่องในเทศกาลขึ้นปีใหม่พุทธศักราช 2565 ให้กับผู้นำในพื้นที่ โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส, ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48, ส่วนราชการในพื้นที่ ตลอดจนมวลชนเครือข่ายเสวนาสัญจร อำเภอสุไหงปาดี อำเภอเจาะไอร้อง และผู้นำในพื้นที่อำเภอแว้งร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ 

พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า "กิจกรรมพบปะกลุ่มมวลชนในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดี อำเภอเจาะไอร้อง และอำเภอแว้งในครั้งนี้ เป็นหนึ่งคำมั่นสัญญาที่จะมาพบปะกันต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และถือโอกาสในวันนี้มาร่วมอวยพรปีใหม่ ในปีพุทธศักราช 2565 จะเห็นได้ว่าในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้นำในพื้นที่ ถือว่ามีความสำคัญในการสร้างการรับรู้ และความเข้าใจในการทำงานในการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ทุกสิ่งอย่างล้วนเกิดขึ้นจากความร่วมมือจากหลายฝ่าย ตลอดระยะเวลาของสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 18 ปีที่ข่มขื่น เป็น 18 ปีที่ไม่มีใครอยากจะจดจำ เหตุการณ์ได้ผ่านมาแล้ว ก็ขอให้ผ่านไป 

ในวันนี้การทำงานแก้ไขปัญหาในพื้นที่ยังคงยืนยันในเจตนารมณ์ที่จะเปลี่ยนพื้นที่อดีตที่ร้องไห้ และเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ทำให้พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เจาะไอร้อง เป็นเจาะไอรัก และทำพื้นที่สุไหงปาดี เป็นปาดีมีสุข อย่างไรก็ตามทุกอยากจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ หากขาดความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ผู้นำท้องที่ ส่วนท้องถิ่น ผู้นำศาสนา ในการจับมือกันกำหนดเส้นทางแสงสว่างให้เกิดขึ้น ปลดปล่อยเงื่อนไขของความรุนแรง มาช่วยกันขับเคลื่อนด้วยเหตุและผล ผ่านสภาประชาธิปไตยตำบล สู่สันติสุขด้วยคนทางสันติวิธีที่ยั่งยืน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา รวมใจชาวประชา นำพาสันติสุข สุดท้ายแล้วลงมือทําคือคําตอบ และเราจะร่วมกันเดินหน้าสร้างสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเต็มกำลังร่วมกันต่อไป" 

 ทั้งนี้ภายหลังจากพบปะกลุ่มมวลชนในพื้นที่ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ถือโอกาสนอนพักแรมร่วมกับกำลังพลหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 และในช่วงเช้า พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และกำลังพลได้อวยพรเนื่องในเทศกาลปีใหม่พุทธศักราช 2565 แด่แม่ทัพภาคที่ 4 ก่อนพบปะ มอบนโยบายการทำงานให้กับหน่วย พร้อมกันนี้ได้กล่าวขอบคุณการทำงานในระยะเวลาที่ผ่านมา และให้กำลังใจในการทำงานในปี 2565 ต่อไป จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 4 และคณะได้ร่วมกิจกรรม พบปะยามเช้า พูดคุยกันอย่างเป็นกันเองกับผู้นำในพื้นที่ ซึ่งบรรยายเป็นไปอย่างเรียบง่าย ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการจับมือ และประสานการทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ทำให้พื้นที่ทำให้ประชาชนกลับมามีรอยยิ้ม และมีความสุขอย่างยั่งยืนต่อไป

ขณะเดียวกันในพื้นที่ ม.2 บ้านลาแป ตำบลบองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ยังคงสนธิกำลังไล่ล่าคนร้ายที่ก่อเหตุยิงถล่มฐานปฏิบัติการทหารพราน4513 เป็นเหตุให้กำลังพลเสียชีวิต 1นายและบาดเจ็บอีก2นาย ยังคงปฏิบัติการปูพรมจับกุมชาวบ้านในพื้นที่ในฐานะผู้ต้องสงสัยเข้าค่ายทหารเพื่อนำกระบวนการซักถามเพื่อเค้นหาตัวคนร้าย

โดยทางเพจ PICSEB ได้เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 04-01-2022 เจ้าหน้าที่ทหารได้ไปที่บ้านของ นายมะกอเซ็ง อูมา(คอลี) ซึ่งปัจจุบัน คอลีเป็นบุคคลที่ทำงานภาคประชาสังคมสังกัดองค์กร “PICSEB” แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถพบเจอกับเจ้าตัวได้ เนื่องจากคอลีพักอาศัยที่รามัน(บ้านภรรยาของเจ้าตัว) จากนั้นเมื่อคอลีได้ทราบข่าวว่าทางเจ้าหน้าที่ทหารได้ไปที่บ้านของตนเอง เพื่อขอพบ ทางคอลีจึงได้ประสานกับผู้ใหญ่บ้าน เพื่อดำเนินการแสดงความบริสุทธิ์ใจ จึงได้ตัดสินใจไปพบเจอกับทางเจ้าหน้าที่ดังกล่าว จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งมาว่า จะนำตัวคอลีไปยังค่ายเขาตันหยง จังหวัดนราธิวาส เพื่อดำเนินการซักถาม .. ณ ตอนนี้ ทางภรรยาและญาติๆไม่สามารถติดต่อสอบถามคอลีได้ จึงหวังว่าทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชนหรือหลักสากล เพื่อกลับคืนความสงบสุขแก่ประชาชนและสังคมต่อไป

จนท.ปิดล้มยามวิกาลควบคุมประชาชน 4 คน
โดยล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อ 5 ม.ค 2565 เวลา 01:00 น. เกิดเหตุ จนท.ใช้กฎอัยการศึกและ พรก.ฉุกเฉิน ปิดล้อมอย่างต่อเนื่อง บ.บองอ ม.4 ต.บองอ อ.ระแงะ  จ.นราธิวาส หลังจากเหตุปะทะก่อนหน้านี้ทำให้ จนท.เสียชีวิต1 นายบาดเจ็บ 2 นาย ได้ควบคุมตัวประชาชนในพื้นโดยไม่ทราบสาเหตุจำนวน 4 คนทราบชื่อ 1.นาย มาหามะ เจ๊ะมิง บ้านเลขที่ 154 ม.4  ต.บองอ อ.ระแง  2.นาย มูฮำหมัด เจ๊ะลอเมาะแซ บ้านเลขที่ 175/1 ม.4 ต.บองอ อ.ระแง 3.นาย รอมัน มูนะ บ้านเลขที่ 68/4 ม.4 ต.รบองอ อ.ระแงะ 4.นาย รอฟีกี มูนะบ้านเลขที่ 68/4 ม.4 ตบองอ อ.ระแง ทั้งหมดอยู่ในควบคุมตัวของ ฉก.45 ระแง จ.นราธิวาส

ทั้งนี้จากปฏิบัติปูพรมเพื่อเค้นหาคนร้ายใยลักษณะนี้ มีการตั้งข้อสังเกตุจากตัวแทนภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องจะปฏิบัติต่อผู้ถูกควบคุมตัวตามกฎหมายพิเศษ โดยคำนึงหลักสิทธิมนุษยชน และเข้าถึงสิทธิฯต่างๆอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม