พีอาร์สาวร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อ พร้อมเข้าติดตามความคืบหน้าคดี กรณีถูกลูกค้า 2 คน ข่มขืนกระทำชำเรา หลังเจ้าหน้าที่แจ้งว่าผลตรวจร่างกายจากแพทย์ไม่พบร่องรอยข่มขืน และได้รับการติดต่อให้รับเงินเพื่อจบคดี
พีอาร์สาวร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อ ถูกจ้างชงเหล้างานปาร์ตี้แล้วถูกข่มขืน
วันที่ 21 ม.ค. 65 เวลา 13.00 น. ที่ สน.คลองตัน นายบุญมี จอมหงษ์ ทนายความ พา น.ส.พลอย (นามสมมติ) อายุ 27 ปี เข้าพบ พ.ต.ท. กิตติ์ ยังมี รองผกก.(สอบสวน) สน.คลองตัน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีที่ น.ส.พลอยถูกข่มขืนกระทำชำเราจากลูกค้าที่จ้างเธอไปชงเหล้าให้ในงานปาร์ตี้
.
โดยน.ส.พลอย เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 64 ตนได้รับการว่าจ้างให้รับงานเอนเตอร์เทน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านพระราม 4 แขวงวัฒนา เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โดยมีผู้ว่าจ้างทั้งหมด 5 คน ในราคา 3,500 บาท และมีหญิงสาวทำหน้าที่เอนเตอร์เทน อีก 2 คนที่ไม่รู้จักกัน ถูกว่าจ้างให้มาทำงานนี้ด้วย โดยทำงานตั้งแต่ 22.00-04.00 น.
.
ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ตนถูกนายอาทิตย์ อายุ 36 ปี (สงวนนามสกุล) และนายสุธน (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ทำการข่มขืนกระทำชำเราภายในห้องน้ำของโรงแรมดังกล่าว หลังเกิดเหตุตนได้แจ้งไปทางคนรักให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนและบุคคลทั้งหมดจึงถูกจับกุมในข้อหาฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน
.
ต่อมาวันที่ 17 ส.ค. 64 ตนได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.คลองตัน แต่คดีไม่มีความคืบหน้า พนักงานสอบสวนอ้างว่าผู้ต้องหาติดโควิด-19 แต่ตอนนี้คดีผ่านมาแล้ว 5 เดือน รวมถึงระหว่างการสืบสวนสอบสวนตำรวจอ้างว่าถุงยางอนามัยที่พบในที่เกิดเหตุไม่มีดีเอ็นเอของผู้ต้องหาและดีเอ็นเอของตน ส่วนผลตรวจร่องรอยข่มขืนจากโรงพยาบาลตำรวจ ตำรวจอ้างว่าแพทย์ลงความเห็นว่าไม่มีร่องรอยการข่มขืน จึงเห็นว่าคดีนี้ไม่ปกติและล่าช้า ต้องการเร่งรัดเพื่อความเป็นธรรมของตนเอง ประกอบกับช่วงแรกมีเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามหว่านล้อมให้ยอมความคู่กรณีโดยสำทับว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอดำเนินคดีได้
.
น.ส.พลอย ยืนยันว่า ตนรับเพียงแค่งานชงเหล้า เล่นเกม หรืองานเอนเตอร์เทนเท่านั้น ไม่รับงานที่มีเพศสัมพันธ์แต่อย่างใด ส่วนกรณีที่เกิดขึ้น ไม่แน่ใจว่าลูกค้าวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น หรือ อาการเมาเป็นเหตุให้ควบคุมตนเองไม่ได้ ปกติแล้วตนทำงานฟรีแลนซ์และทำงานกลางคืนกับคนรักที่สถานที่บันเทิงแต่ผับปิดเพราะโควิด-19 จึงหารายได้เสริมเพื่อส่งเงินให้ครอบครัว
.
นายบุญมี ทนายความ เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนนำหลักฐานเป็นข้อความแชททางไลน์ที่ผู้เสียหายส่งหาคนรักให้มาพาตัวออกจากที่เกิดเหตุ และหลักฐานการโอนเงิน 20,000 บาท จากเพื่อนของผู้ต้องหาที่ต้องการให้ยอมความมามอบให้พนักงานสอบสวน หลังจากเข้าพบ พนักงานสอบสวนได้บอกกับตนว่าจะส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวน ให้กับพนักงานอัยการ ในวันที่ 27 มกราคมนี้ ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะการรุมโทรม แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธ
.
ทั้งนี้ ตนได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ให้สอบปากคำคนรักของผู้เสียหาย และพ่อของผู้เสียหาย ที่ได้พูดคุยกับสาวเอนเตอร์เทนรายอื่นที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อเป็นประจักษ์พยานประกอบสำนวน ทั้งนี้ ในวันเกิดเหตุ หลังจากเจ้าหน้าที่จับกุมผู้เสียหายและผู้ต้องหาในข้อหาฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน ผู้ต้องหาพยายามจะขอโทษ แต่ผู้เสียหายไม่ต้องการ เนื่องจากต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หากพนักงานสอบสวนไม่ดำเนินการให้ถึงที่สุด จะยื่นเรื่องกับพนักงานอัยการต่อไป