ตำรวจสอบสวนกลาง ทลายเครือข่าย 'เบล 1,000 กระบอก' ค้าอาวุธปืนข้ามชาติ เงินหมุนเวียนกว่า 150 ล้านบาท พบส่วนใหญ่เป็นปืนสวัสดิการรัฐ 

ตำรวจสอบสวนกลางทลายเครือข่าย ค้าอาวุธข้ามชาติ 'เบล 1,000 กระบอก'

ตำรวจสอบสวนกลาง ทลายเครือข่าย 'เบล 1,000 กระบอก' ค้าอาวุธปืนข้ามชาติ เงินหมุนเวียนกว่า 150 ล้านบาท พบส่วนใหญ่เป็นปืนสวัสดิการรัฐ 





ad1

วันนี้ (13 มิ.ย.65) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., นายกมลสิษฐ์ วงษ์บุตรน้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง.และคณะฯ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมภายหลังทลายเครือข่ายค้าอาวุธปืนข้ามชาติ "เบล 1,000 กระบอก"  โดยปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจับกุม นายดนุพล หรือ เบล (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ที่บ้านพักบริเวณ หมู่ที่ 4 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และพวกรวม 16 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทําความผิดฐานฟอกเงิน และมีการกระทําความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”  เบื้องต้นกลุ่มผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

พร้อมตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย 
1.รถยนต์ จํานวน 6 คัน
2.บ้านในความครอบครองของนายดนุพลฯ จํานวน 2 หลัง
3.เรือจํานวน 5 ลํา คือ เรือประมง 4 และเรือโดยสาร 1 ลำ
4.อาวุธปืน จํานวน 17 กระบอก 
5.กระสุนปืนกว่า 10,000 นัด 
6.ใบ ป.3 (การขอใบอนุญาตซื้ออาวุธปืน) จำนวน 36ใบ
7.ใบ ป.4 (การขอใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน) จํานวน 490 ใบ
8.สมุดบัญชี จำนวน 28 เล่ม

สำหรับพฤติการณ์ในคดีสืบเนื่องจากปี 2561 เจ้าหน้าที่ตํารวจสืบทราบข้อมูลว่านายดนุพล ฉายาเบล ร้อยกระบอก ถูกชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนเกี่ยวกับการนําเอกสารผู้อื่นไปสวมสิทธิในการขอใบอนุญาตซื้ออาวุธปืน (ป.3) ต่อมาวันที่ 23 มิ.ย.2563 เจ้าหน้าที่ตํารวจ และหน่วยทหาร ได้ร่วมกันจับกุมขบวนการค้าอาวุธสงคราม พร้อมของกลางอาวุธปืนสงคราม จํานวน 25 กระบอก เครื่องกระสุนปืนกล ลูกระเบิดขว้างสังหารหลายรายการ ซึ่งผู้ต้องหาบางรายรับว่าเคยซื้ออาวุธปืนพกสั้นจากนายดนุพล หรือเบลไปจําหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้าน

ต่อมาวันที่ 30 ก.ค.2564 เจ้าหน้าที่ศุลกากรจังหวัดหนองคาย ได้ตรวจยึดอาวุธปืน ขนาด .22 จํานวน 35 กระบอก และจับกุมนายธัมนองฯ นําส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคายดําเนินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคายได้ยื่นคําร้องต่อศาลออกหมายจับนายดนุพล นายพลเทพฯ หรือบอม เพื่อดําเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร, ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตพาอาวุธปืนไป ในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันนําอาวุธปืนผ่านราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี หรือเจ้าพนักงานที่รัฐมนตรีแต่งตั้ง”

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตํารวจยังพบพยานหลักฐานสําคัญว่าขบวนการนี้มีแผนประทุษกรรมซับซ้อน โดยกลุ่มของนายดนุพล นำเอาชื่อบุคคลอื่น หรือคนในขบวนการมาขอใบอนุญาตซื้ออาวุธปืน (ป.3)  มากกว่า 2,000 ใบ ประกอบไปด้วย อาวุธปืนลูกซองขนาด.22 และอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. โดยบุคคลที่มาขอออกใบ ป.3 ส่วนใหญ่มีพฤติการณ์ที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย อ้างว่าขอมาใช้เพื่อการกีฬา บางส่วนไม่ทราบถึงสาเหตุในการยื่นคําร้องขอใบ  ป.3 โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนแบบ ป.3 ร่วมดําเนินการปลอมเอกสารและออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3) ซึ่งเป็นเอกสารเท็จให้ 

เมื่อได้รับใบอนุญาตซื้ออาวุธปืนที่เป็นเอกสารเท็จแล้ว จะทําการซื้ออาวุธปืนที่ร้านจําหน่ายอาวุธปืน ส่งอาวุธปืนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และจําหน่ายในตลาดมืดภายในประเทศด้วย จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าวจะได้กําไรจากการจําหน่ายอาวุธปืนกระบอกละ 30,000 –50,000 บาท เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินยังพบเงินหมุนเวียนในขบวนการมากกว่า 150 ล้านบาท 

ต่อมาในวันที่ 13 มิ.ย.2565 เจ้าหน้าที่ตํารวจ บก.ป. และเจ้าหน้าที่ ปปง. กว่า 200 นาย จึงได้สนธิกําลัง “ปฏิบัติการทลายเครือข่ายค้าอาวุธ เบล 1,000 กระบอก” เข้าตรวจค้นทั้งหมด 21 จุด ทั่วประเทศ จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวได้ทั้งสิ้น จํานวน 16 คน ประกอบไปด้วยกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด 4 กลุ่ม ได้แก่ 

1.กลุ่มนายทุน 
2.กลุ่มนายดนุพล ซึ่งมีหน้าที่หาคนทําใบ ป.3 และขนส่งอาวุธ 
3.กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 
 4.กลุ่มร้านปืน

โดยสามารถตรวจยึดของกลางเป็นอาวุธปืนในขบวนการนี้ได้ทั้งหมด 100 กระบอกแบ่งเป็น ปืนที่ตรวจยึดได้ในพื้นที่จ.หนองคาย จํานวน 35 กระบอก ปืนที่ตรวจยึดได้ในพื้นที่ สภ.พลูตาหลวง และสภ.สัตหีบ จํานวนรวม 48 กระบอก และการตรวจยึดครั้งนี้(13 มิ.ย.2565) จํานวน 17 กระบอกรวมถึงตรวจยึดทรัพย์สินของขบวนการดังกล่าวได้มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท

พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. ระบุว่า นายทุนของนายดนุพล เป็นทั้งขาวไทยและชาวต่างชาติ มีเจตนาซื้ออาวุธปืนในราคาถูก และขายในราคาแพงเพื่อเอากำไร ส่วนใหญ่เป็นปืนสวัสดิการรัฐ  หากพบเจ้าหน้าที่รัฐก็จะดำเนินคดีเอาผิดตามกฎหมาย