ให้ออกจากราชการ! หลังพบ "ส.ต.อ.หญิง กองสวัสดิการ" ปลอมเอกสารราชการยักยอกเงินหลวงกว่า 14 ล้าน
"ส.ต.อ.หญิง กองสวัสดิการ" ปลอมเอกสารราชการยักยอกเงินหลวงกว่า 14 ล้าน
เมื่อวานวันที่ 11 ม.ค. 2565 มีรายงานว่า พล.ต.ต.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ ผู้บังคับการกองสวัสดิการ ได้เซ็นลงนามในคำสั่งกองสวัสดิการ ที่ 139/2564 ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2564 ให้ ส.ต.อ.หญิง กิติยา ตติยเกื้อกูล ผู้บังคับหมู่ฝ่ายสวัสดิการการเงิน กองสวัสดิการ ปฏิบัติราชการ ฝ่ายสวัสดิการบ้านพัก กองสวัสดิการ ออกจากราชการไว้ก่อน ตามความในมาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ประกอบกับกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 8
คำสั่งดังกล่าวมีใจความว่า เนื่องจากส.ต.อ.หญิง กิติยา มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวนและต้องหาคดีอาญาฐานกระทําความผิดทางอาญาโดยการปลอมแปลงเอกสารและลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คออกจากบัญชี กองทุนสวัสดิการสถานพักฟื้นและตากอากาศ ซึ่งไม่ใช่เช็คที่มีการเบิกมาโดยถูกต้อง จํานวนหลายครั้ง โดยเข้าบัญชีตนเอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 จนถึงปัจจุบัน
พบว่ามีรายการถอนเงินออกจากจํานวน 18 รายการ เบื้องต้นรวมเป็นเงินประมาณ 14,840,000 บาท (สิบสี่ล้านแปดแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) การกระทําดังกล่าวเห็นว่าเป็น กระทําผิดอย่างชัดเจน ทั้งการปลอมแปลงและการกระทําความผิดอื่นจํานวนหลายครั้งก่อให้เกิดความ เสียหายแก่ทางราชการมีมูลค่าเป็นจํานวนมาก จึงได้ร้องทุกข์ที่ สน.ปทุมวัน ตามคดีอาญาที่ 669/2564 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564
อนึ่ง ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามคําสั่งนี้ มีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.ตร. ได้ ตามพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 105 ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคําสั่งและ หากประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคําสั่งหรือคําวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ ให้ทําคําฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองหรือ ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคําวินิจฉัย อุทธรณ์หรือภายใน 90 วัน นับแต่วันพ้นกําหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอทราบ ผลการวินิจฉัยอุทธรณ์ คำสั่งดังกล่าว