คุณยายวัย 71 ปีช็อค!ชายแปลกหน้าถือหมายศาลยึดบ้านขายทอดตลาด

คุณยายวัย 71 ปีช็อค!ชายแปลกหน้าถือหมายศาลยึดบ้านขายทอดตลาด





ad1

ชัยภูมิ​-บ้านที่เคยอยู่อาศัยมาตั้งแต่ต้นกำเนิดต้นตระกูลของคุณยายวัย 71 ปีพร้อมสมาชิกในครอบครัวอีก 7 คน ต้องตกตะลึงเข่าทรุดลงกับพื้นหลังมีผู้ชายแปลกหน้าถือหมายศาลเข้ามาหาก่อนอ้างและแสดงตนว่าได้เป็นเจ้าของคนใหม่โดยได้ซื้อบ้านหลังนี้ไว้แล้วหลังจากมีการขายทอดตลาดจากกรมบังคับคดีฯ หัวใจแทบสลายด้วยความเสียใจวอนของความเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน​ 64  ผู้สื่อข่าวได้รับทราบเรื่องราวจากนายประดิษฐ์ พงษ์สระพัง กำนันตำบลสระพัง อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ ในกรณีที่มียายชราพิการอายุกว่า71ปี ถูกบุคคลนำหมาย-เอกสาร-โฉนดที่ดิน มาแสดงตนว่าเป็นเจ้าของบ้าน-ที่ดินรายใหม่หลังได้ซื้อจากการประมูลจาก ยึดบ้านบนที่ดินนำไปขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี ส่งผลให้ครอบครัวยายชราทั้ง7คนจะต้องย้ายออกไปก่อนสิ้นปีนี้ ทั้งยังสร้างความร้อนใจและข้อสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น โดยได้ตั้งข้อสังเกตุว่าน่าจะมีการตรวจสอบข้อมูลหรือยึดทรัพย์ผิดคนได้

ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ที่บ้านเลขที่28 ม.1 บ้านสระพัง ต.สระพัง อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ เป็นบ้านของนายสิงห์ ทองดี (เสียชีวิต) ซึ่งเป็นคู่สมรสพบกับนางสำลี ทองดี อายุ71ปี หญิงชราพิการ พร้อมครอบครัว และนายประดิษฐ์ พงษ์สระพัง กำนันตำบลสระพัง อำเภอบ้านแท่น เพื่อร่วมรับฟังและชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นทางยายสำลี ทองดี อายุ71ปี ม.1 และครอบครัวมาร้องขอความเป็นธรรมกับกำนัน-ศูนย์ดำรงธรรมและแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บ้านแท่น โดยยืนยันว่าเรื่องราวที่ได้สร้างตามความตกใจให้กับครอบครัว ถึงขนาดที่ครอบครัวไม่เป็นอันกินอันนอน และงงกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารและข้อมูลพบว่าได้มีบุคคลที่ชื่อนางสำลี ทองดี อายุประมาณ 60ปี อีกราย  แต่มีสำเนาทะเบียนบ้านอยู่ที่ ม.2 บ.หนองไผ่ ต.สระพัง อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ มีคู่สมรสคือนายถนอม ทองดี  โดยเมื่อปี49ได้ไปยืมเงินนายทุนที่ อ.คอนสาร จำนวน30,000บาท เพื่อไปทำไร่อ้อย ก่อนจะใช้หนี้คืนไป 10,000บาท และไม่ได้ใช้หนี้อีกเลยและได้ย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดกว่า20 ปี แล้ว

โดยเมื่อวันที่ 19 พย.มีกลุ่มบุคคลถือหมายศาลเดินเข้ามา แจ้งข่าวกับคนในบ้านว่าได้ซื้อบ้านหลังนี้ไว้แล้วโดยต้องการให้ย้ายออก ภายในเดือนธันวาคมนี้

ขณะที่นางสำลี ทองดี ม.1 เล่าต่อให้ผู้สื่อข่าวฟังแบบงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าตนเองและลูกรวม7คน จะได้อาศัยอยู่บ้านหลังนี้ซึ่งเป็นบ้านต้นตระกูลมาตั้งแต่แรกเกิดจนมีลูกสาวและหลาน มาอยู่ด้วยเกือบร้อยปี และยืนยันว่าไม่เคยนำโฉนดหรือบ้านหลังดังกล่าวนี้ไปยื่นกู้หรือเข้าจำนองกับผู้ใด แต่กลับมีบุคคลมาแสดงตัวทั้งยังอ้างหนังสือเอกสารใบยึดที่ดินทั่มีการปรพมูลมาอย่าง  ถูกต้องมายึดบ้าน เมื่อวันที่ 19  พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จนทำอะไรไม่ถูกทั้งครอบครัวรู้สึกตกใจมาก จึงได้แจ้งกำนันให้ช่วยตรวจสอบ และร่วมพิจารณาตามเอกสารซึ่งพบว่าในเอกสารหน้า 1 ได้ระบุไว้ว่า มีสัญญา เงินกู้ ระหว่างโจทก์ที่ยื่นฟ้อง สองสามีภรรยา (ถนอม-สำลี ทองดี) ที่เคยมีปัญหาในเรื่องของการกู้เงินตั้งแต่ปี 2546 

และไม่ได้มีการชดใช้จึงมีการฟ้องศาลกระทั่งเรื่องไปถึงกรมบังคับคดี หมายเลขโฉนดที่ดิน15139 ที่มีผู้ครอบครองคือนายถนอม -นางสำลี ทองดี  ซึ่งตนยืนยันว่าเป็นคนละคนกับที่อยู่ในหมายศาลที่มีการฟ้องร้องกันอย่างแน่นอน เพราะจากการตรวจสอบพบว่าผู้ที่ถูกฟ้องร้องกับคุณยายวัย 71ปี มีชื่อและนามสกุลที่ตรงกัน แต่อยู่คนละหมู่บ้าน ซึ่งคุณยายอาศัยอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลสระพัง แต่ผู้ที่ถูกฟ้องร้องยึดทรัพย์อาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 2 ตำบลสระพังหมู่บ้านถัดไปนั่นเอง จึงเกิดเป็นคำถาม ว่าทางหน่วยงานราชการทางด้านกฎหมาย ทำไมถึงจึงมีความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ถึงขนาดนี้ ปล่อยตัวคุณยายเองก็ยังเกิดความกังวลว่า ตนและครอบครัวจะสามารถ นำที่ดินที่เป็นที่ของต้นตระกูล ที่เคยอาศัยก็อยู่อย่างมีความสุข กลับคืนมาได้หรือไม่จึงอยากขอร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยดำเนินการให้ถูกต้องและให้ความเป็นธรรมแก่ตนด้วย

ทางนายจักรพล พงษ์สระ ผญบ.2 เผยว่าจากการตรวจสอบพบว่านางสำลี ทองดี มีตัวตนจริง และยืนยันว่าเป็นลูกบ้านของตน อย่าง นางสำลี ทองดี ได้มีตัวตนอยู่จริง พร้อมกับนายถนอม ทองดี ที่เคยเป็นลูกบ้านที่นี่แต่ได้ออกไปทำงานต่างจังหวัดหลายปีแล้ว โดยจะกลับมาปีละครั้งหรือ 2 ปีครั้งเท่านั้น โดยมีการมาเยี่ยมญาติในหมู่บ้านใกล้เคียง แต่ก็ไม่เคยได้พูดคุยกันบ่อยนัก

ด้านนายประดิษฐ์  พงษ์สระพัง กำนันตำบลสระพัง เบื้องต้นได้พาคุณยายพร้อมครอบครัว ไป คัดคำร้องต่อที่ศาลจังหวัดภูเขียว สำนักงานบังคับคดี จังหวัดชัยภูมิสาขาภูเขียว ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านแท่น อัยการ สำนักงานอัยการ โดยสรุปว่าให้มีการระงับการซื้อขายพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากมีผู้มาร้องเรียนขอความเป็นธรรม และจะทำหนังสือเพื่อเชิญทนายความ ซึ่งทำเอกสาร ส่งฟ้องศาลและ กรมบังคับคดียึดทรัพย์ดังกล่าวมาเพื่อเจรจาให้มีการรับผิดชอบในเบื้องต้น

ล่าสุดพีระพงษ์ วิกุญชร เจ้าหน้าที่ฝ่ายศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านแท่น กล่าวเบื้องต้นทางศูนย์ดำรงธรรมได้รับเรื่องร้องเรียนจากท่านกำนันประดิษฐพงษ์สระพังและได้สอบถามกับคุณยายสำลีว่าก่อนหน้านี้ได้รับทราบหรือได้รับหมายศาลในตลอดระยะเวลา 10 ปีหรือไม่ทางคุณยายสำลียืนยันว่าไม่เคยได้รับหมายศาลแต่เพิ่งจะมาได้รับตอนเกิดเรื่องไม่กี่วันมานี้เพราะคุณยายสำลีเองไม่ได้เอาโฉนดไปมัดจำหรือดำเนินการทำธุรกรรมกู้ยืมอะไรเลยและทางศูนย์ดำรงธรรมได้มีการปรึกษากับทนายความที่ทำงานร่วมกันและทนายความของโจทก์ที่ยื่นเรื่องร้องเรียนยึดที่ดินก็ได้ทราบว่าถูกเพิกถอนใบอนุญาตไปแล้วทางศูนย์ดำรงธรรมก็ได้ประสานกับทางทายาทของเจ้าหนี้เพื่อที่จะไปถอนฟ้องที่กองบังคับคดีต่อไป//

มัฆวาน วรรณกุล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค