เสรีรวมไทย ยื่น กกต. สอบ 7 พรรคเล็กรับกล้วย เข้าข่ายยุบพรรค-ชี้อดีตพรรคไทยรักไทยเคยโดน-ย้ำหลักฐานชัด กกต.ต้องเร็ว-ตรงไปตรงมา

เสรีรวมไทย ยื่น กกต. สอบ 7 พรรคเล็กรับกล้วย

เสรีรวมไทย ยื่น กกต. สอบ 7 พรรคเล็กรับกล้วย เข้าข่ายยุบพรรค-ชี้อดีตพรรคไทยรักไทยเคยโดน-ย้ำหลักฐานชัด กกต.ต้องเร็ว-ตรงไปตรงมา





ad1

8 ส.ค. 2565 ที่ สนง.คณะกรรมการเลือกตั้ง ถนนแจ้งวัฒนะ  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย ดร.นภาพร เพ็ชร์จินดา รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรค (อดีต กกต.) ยื่นเอกสาร ขอให้มีการไต่สวนพรรคการเมือง ที่มีการกระทำที่เป็นความผิดตาม มาตรา 28 และ มาตรา 29 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560  โดยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า บรรดาพรรคเล็ก ที่ชอบกินกล้วย ก็ต้องหันไปซบพรรคใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือพรรคพลังประชารัฐ และปล่อยให้พรรคพลังประชารัฐเข้าครอบงำ โดยไปรับเงินรายเดือนจากเขา เช่นพรรคพลังไทยรักไทย พรรคประชาธรรมไทย พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคครูเพื่อประชาชน พรรคพลังชาติไทย ที่ไปพบปะกันที่มูลนิธิป่ารอยต่อ และมีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นผู้จ่ายเงิน แม้แกนนำพรรคการเมืองขนาดเล็กเหล่านี้จะอ้างว่าเงินที่ได้รับเงินกู้ ก็ไม่น่าเชื่อถือ ตรงนี้เรามีคลิปเสียงหัวหน้าพรรค 7พรรคที่พูดสารภาพว่ารับเงินจริงเป็นหลักฐานยืนยันชัดเจน ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นกระทำที่ผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคเมือง คนที่ยินยอมให้เขาครอบงำ ควบคุมพรรค ก็จะผิดตามมาตรา 28 ซึ่งมีโทษถึงยุบพรรค ส่วนพรรคพลังประชารัฐที่เข้าไปครอบงำเขาจะมีโทษหนักกว่า โดยหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารมีโทษจำคุกตั้งแต่1-5 ปี ปรับ 1แสน -5 แสนบาท

“ในอดีตพรรคไทยรักไทยเคยเข้าไปครอบงำจ้างพรรคเล็กไม่ให้ลงก็ถูกตัดสิทธิไป อันนี้ถ้าว่ากันตรง ๆ ตามพยานหลักฐาน ไม่เอาพลังอำนาจจากไหนมาบีบกกต. ขอให้กกต.อิสระจริงๆ การกระทำนี้ต้องถือว่าเป็นความผิดทั้งผู้ให้ ผู้รับ มันไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้ากกต.ไม่เบี้ยวนะ พยานหลักฐานที่เรานำมามอบให้กกต.มามันชัดเจนสามารถนำไปสู่การยุบพรรคได้ และอีกทางหนึ่งพรรคกรณีนี้ถือว่ารับทรัพย์สินเกินกว่า 3 พันบาทก็ได้ยื่นร้องต่อป.ป.ช.แล้ว” 

ด้านนายสมชัย กล่าวว่า การที่เรามายื่นวันนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่ากฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ในมาตรา 28 มาตรา29 เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าการที่บุคคลภายนอกมาครอบงำพรรคการเมืองมีความผิดชัดเจน ซึ่งการเขียนกฎหมายดังกล่าวนั้นก็เพื่อให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมของพรรคอย่างเป็นอิสระ ไม่ใช่อยู่ภายใต้อาณัติการชี้นำ การบงการของคนภายนอก เรื่องของพรรคการเมืองที่ครอบงำซึ่งกันและกันนั้นเคยมีคดีแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2549  ขณะนั้นมีเหตุการณ์ที่ว่าพรรคใหญ่ครอบงำพรรคเล็ก โดยการให้พรรคเล็กโกงการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้คะแนนเสียงไม่เกิน 20%ของคนที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง จากนั้นมีการฟ้อง กกต. และพรรคการเมืองที่กระทำความผิด และกกต.โดนข้อหาไปสนับสนุนให้พรรคใหญ่ทำผิดได้ ด้วยเหตุที่ว่ากกต.ไปหย่อนเวลาในการรับฟังเพื่อให้มีการเลือกตั้งเร็วๆ และกกต.ไปอนุญาตให้พรรคเล็กสามารถย้ายพรรค ซึ่งสองข้อกล่าวหานั้นเป็นเพราะกกต.วางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้งครั้งนั้น ผลที่เกิดขึ้นคือ กกต.ติดคุก และพรรคการเมืองใหญ่นั้นถูกยุบ ดังนั้นหลักฐานในเหตุการณ์ครั้งนี้ชัดเจนว่ามีการให้เงินสนับสนุนพรรคการเมืองเป็นรายเดือน มีการโอนเงินเข้าโอนออก ทราบเลขบัญชี และมีชื่อคนที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นหลักฐานชัดเจนขนาดนี้เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องดำเนินการโดยเร็ว และตรงไปตรงมา 

นายสมชัย กล่าวอีกว่า ภายใต้สภาพ กกต.ที่เป็นอยู่ปัจจุบันสามารถดำเนินการได้เสร็จภายใน 1 เดือน จากนั้นถ้ากกต.มีความเห็นสอดคล้องกับการยื่นคำร้องนี้ กกต.ต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับคดียุบพรรคที่ผ่านมาในอดีต เชื่อว่าจะดำเนินการได้ 15 วันก็เสร็จ หวังว่าวันนี้ที่เรามายื่นจะทำให้กกต.ทำงานได้อย่างตรงไปตรงมา และต้องสื่อสารกับประชาชนว่าเรื่องนี้คืบหน้าอย่างไรบ้าง เพราะเท่าที่ดูคะแนนความโปร่งใสของกกต.คือสอบตก ฉะนั้นเรื่องนี้จะเป็นการกู้คืนศักดิ์ศรีของ กกต.ว่าทำงานตรงไปตรงมา วันนี้อาจจะมีคนที่ท่านคิดว่าเขาช่วยเหลือท่านอยู่ แต่วันหน้าเรื่องราวเหล่านี้ยังถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ตลอดเวลา จึงอยากขอเตือนในนามคนที่เคยเป็นกกต.มาก่อนว่า เราเองไปปรารถนาจะเห็นคนของกกต.นั้นเป็นคดีความ หรือจะต้องติดคุกตอนแก่