ศาลพิพากษาจำคุก3แกนนำป่วนวัดหลวงพ่อเงินบางคลานในคดีทำร้ายร่างกายชาวบ้านที่เข้าวัดงานบุญเทศน์มหาชาติ

ศาลพิพากษาจำคุก3แกนนำป่วนวัดหลวงพ่อเงินบางคลานในคดีทำร้ายร่างกายชาวบ้านที่เข้าวัดงานบุญเทศน์มหาชาติ





Image
ad1

 เรื่องวุ่นเกี่ยวกับวัด 2 เหตุการณ์สำคัญในวันเดียวกัน เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร เจ้าอาวาสวัดท่าหลวง ที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อเพชรลาสึกเหตุข่าวฉาวสีกากอลฟ ส่วนที่วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน 3 แกนนำ เคยนำป่วนประท้วงปิดวัดถูกศาลพิพากษาจำคุกคดีทำร้ายร่ายกายชาวบ้าน ที่ขึ้นศาลางานบุญฟังเทศน์มหาชาติ

 ความคืบหน้า วันที่ 16 กรกฎาคม 2568  นายพร ปั้นเพ็ง ไวยาวัจกรวัดบางคลาน ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน โดยรายงานความคืบหน้าว่า เมื่อวันวานที่ผ่านมา ( 15 ก.ค. 68 ) ศาลยุติธรรมจังหวัดพิจิตร ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 คดีหมายเลขดำที่  อ 713/2565  และคดีหมายเลขแดงที่ อ 752/2566  โดยศาลยุติธรรมได้สั่งจำคุก 3 แกนนำที่เคยปิดวัดบางคลาน  โดยไม่รอลงอาญาส่งเข้ารับโทษในเรือนจำจังหวัดพิจิตร

จากเหตุการณ์ในช่วงที่วัดบางคลาน มีกลุ่มบุคคลที่ไม่ปรารถนาดีกับวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเดือน ต.ค. 2565 และช่วง เดือน เม.ย. 2566  จนถึงเดือน ต.ค. 2566 มีการประท้วงปิดวัดถึง 3 ครั้ง ระยะเวลาต่างๆกัน ซึ่งในช่วงนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้สนับสนุนเจ้าอาวาสรูปเก่า ซึ่งในวันที่ 6 ต.ค. 2564  เป็นวันพระสำคัญซึ่งได้มีการจัดเทศน์มหาชาติขึ้นภายในวัดแต่จัดขึ้นที่อีกศาลาหนึ่ง โดยโจทก์คือ นายภิเษก เสริมผล ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของความขัดแย้งหลงเข้าไปบนศาลาที่กลุ่มของจำเลยทั้ง 3 จัดพิธีอยู่ จึงทำให้เกิดการเข้าใจผิดคิดว่าเป็นไส้ศึกมาสอดแนมหาข้อมูลกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงนั้น จึงทำให้ นางปภานันท์ อยู่ยืด จำเลย ที่เป็นแกนนำคนสำคัญที่เคยชุมนุมประท้วงปิดวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน

พร้อมกับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายนายภิเษก ในงานเทศน์มหาชาติ โดยผู้เสียหายอาการสาหัส เหตุเกิดบนศาลาการเปรียญหลังเก่า วัดบางคลาน จึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดี และต่อสู้คดีจนในที่สุดเมื่อวันวานที่ผ่านมา ( 15 ก.ค. 2568 )ศาลยุติธรรมจังหวัดพิจิตร ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์  พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 3 จำเลย ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้ง 3 คนฎีกา โดยทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย จำเลยที่ 1. นางปภานันท์ (ขอสงวนนามสกุล) จำคุก 16 เดือน 20 วัน จำเลยที่ 2. นายสอ (ขอสงวนนามสกุล) จำคุก 8 เดือน 20 วัน และ จำเลยที่ 3. นายอำพร (ขอสงวนนามสกุล) จำคุก 8 เดือน 20 วัน และจ่ายสินไหมชดเชยจำนวนเงิน 12,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย 5 เปอร์เซ็นต์

ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงแก่อันตรายทางจิตใจหรือร่างกาย ร่วมข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพของผู้ถูกข่มขืนใจหรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยคดีอาญานั้นถึงที่สุด เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเข้าเรือนจำจังหวัดพิจิตร ดังกล่าวอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คดีที่เกี่ยวข้องจากเหตุการณ์ที่มีอดีต สว.คนดัง ร่วมกับ ลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสรูปเก่าที่มรณภาพไป ก่อเหตุชุมนุมประท้วง พาชายชุดดำเข้าปิดล้อมยึดวัดหลวงพ่อเงินบางคลานเป็นคดีแจ้งความอยู่ในชั้นสอบสวน อยู่ในชั้นพนักงานอัยการ และอยู่ในชั้นศาล ชั้นต้น-อุทธรณ์-ฎีกา ซึ่งขณะนี้เวลาได้ล่วงเลยมาเกือบ 10 ปีแล้วก็ยังมี จึงทำให้ในหลายสำนวนคำพิพากษาเริ่มถึงที่สุดและเริ่มมีการลงโทษอย่างเด็ดขาดทยอยออกมาให้เห็นดังกล่าวข้างต้นอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดพิจิตร