มลพิษพุ่งกระทบผู้เลี้ยงปลาพัทลุงทยอยเลิกกิจการ ดัน“ปลากะพง ปลานิล ปลาโอน”แพง


พัทลุง “ปลากะพง ปลานิล ปลาโอน” ราคาพุ่ง 150 บาท 130 บาท 400 บาท / กก. ชี้ มีปัญหาการเลี้ยงสูงต้องมีการเลิก และชะลอเลี้ยง สภาพภูมิอากาศ น้ำเสีย เหาน้ำ เลี้ยงให้ยั่งยืนต้องเป็นพื้นที่ส่วนตัว ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ
นายไหร ทักษิณาวาณิชย์ ผู้เลี้ยงปลากระชังทับทิม และปลานิล หมู่ 11 บ้านควนล่อน ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เปิดเผยว่า เลี้ยงปลากระชังทับทิมแดงหรือปลานิล ในกลุ่มขณะนี้มีประมาณ 20 กระชัง จาก 30 กระชัง โดยปลาตอนนี้ไม่พอต่อความต้องการของตลาด สาเหตุได้ชะลอและเลิกเลี้ยงโดยบางส่วนไม่ลงกระชัง จากกังวลกับความผันผวนสภาพภูมิอากาศหน้าแล้งและร้อนจัดและเรื่องน้ำ น้ำเสีย
“ตลาดปลาทับทิมหรือปลานิล รายใหญ่คือ จ.พัทลุง และอ.หาดใหญ่สงขลา ศูนย์ทางการค้าการท่องเที่ยวรายใหญ่ทางภาคใต้ตอนล่าง ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวประเทศมาเลเซีย ที่เข้ามาปริมาณมากและที่นิยมบริโภคปลาทับทิม และและยังเป็นที่นิยมบริโภคของคนเมืองด้วย โดยขณะนี้ราคาเคลื่อนไหวราคาค้าปลีกอยู่ที่ 120 – 130 บาท / กก.
แหล่งเลี้ยงรายใหญ่ปลาทับทิมแดงหรือปลานิล เขื่อนอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง คลองส้านแดง และหน้าชลประทานท่าเชียด ต.แม่ขรี จะเลี้ยงโดยเฉลี่ยรายละ 5 กระชัง โดยเลี้ยงกระชังละ 1,000 ตัว – 1,500 ตัว ต้นทุนประมาณ 40,000 บาท และ 50,000 บาท / กระชัง / รอบ แต่ละรอบจะเลียงประมาณ 4 เดือน จะได้น้ำหนักปลา 1 กก. / ตัว ถ้าเลี้ยง 6 เดือนสูงสุด น้ำหนักจะได้ 1.2 กก. / เดือน โดยเฉลี่ยจะจับได้และขายได้ประมาณ โดยเฉลี่ย 70,000 บาท / กระชัง
นายไหร่ กล่าวอีกว่า ประเด็นสำคัญในการเลี้ยงปลากระชัง เมื่อปี 2567 ได้ประสบกับเหาน้ำหรือเห็บน้ำรุมกินปลาได้รับความเสียหายมากถึง 5 กระชัง จำนวน 5 ตัน ปลาขนาด 7 - 9 กรัม / ตัว มูลค่ากระชังละ 40,000 บาท ได้รับความเสียหายประมาณ 200,000 บาท สาเหตุเกิดหน้าแล้งร้อนจัด
ส่วนเจ้าของบ่อปลาโอน ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ส่วนปลาโอนก็มีการกระชังคลอง หมู่ 6 ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เพราะเป็นที่ต้องการของตลาดมากแต่จะเป็นตลาดกำลังซื้อที่ค่อนข้างดีสูง เพราะราคาประมาณ 400 บาท / กก.ปลาโอนจะไม่มีการวางขายตามตลาดทั่วไป ผู้เลี้ยงจะเป็นการเลี้ยงส่งตามออร์เดอร์ทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดไปทั่วประเทศ ซึ่งระดับการเลี้ยงยังไม่พอต่อความต้องการของตลาด ปลาโอนเมนูยอดนิยมคือแกงส้ม ต้นส้ม ทอด ฯลฯ
“สำหรับตนเองเลี้ยงเบื้องต้นไว้เพื่อบริโภคเลี้ยง 1,500 ตัว รุ่นที่ 2 รุ่นแรกอายุการเลี้ยง 7 เดือน ขนาด 10 ตัว / กก. ราคาตลาด 400 บาท / กก.”
ปลาโอนจะบริโภคอาหารเม็ด ต้นทุนพันธุ์ปลา 6 บาท / ตัว ต้นทุนอาหารปลาโปรตีน 40 % กระสอบละ 750 บาท ต้นทุนรวมประมาณ 16,000 บาท / บ่อหรือ / กระชัง
“ส่วนขายออกตลาดราคาหน้าบ่อ 400 บาท / กก. จะมีรายได้ประมาณ 48,000 บาท / รอบ / บ่อ / กระชัง จะมีส่วนต่างที่เป็นกำไรประมาณกว่า 30,000 บาท / รอบ หากเลี้ยง 3 บ่อจะมีกำไรกว่า 90,000 บาท / รอบ”
และรอบนี้อยู่ระหว่างการเลี้ยงรอบเร็ว ประมาณ 5 เดือน / รอบ เพื่อจะเลี้ยงให้ได้ 2 รุ่น / ปี หากรอบช้า 7 เดือน จะได้ประมาณ 1 รอบ / ปี โดยรอบเร็วต้องให้อาหารประเภทโปรตีน 40 % จากอาหารรอบช้าโปรตีน 25 % โดยราคาอาหารจะต่างกันรอบเร็วกระสอบละ 750 บาท รอบช้า ประมาณ 500 บาท / กระสอบ
การเลี้ยงปลากระชัง จะเป็นรายได้ที่ไปได้และสามารถเลี้ยงอย่างยั่งยืนเป็นมืออาชีพได้ แต่จะไม่ต้องเป็นที่สาธารณ เพราะคลองสาธารณจะเกิดปัญหาน้ำเสียได้ ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาน้ำแห้ง และศัตรูของปลาเช่น เหาน้ำหรือเห็บน้ำ
“แต่หากเป็นบ่อในพื้นที่ตนเองจะสามารถบริหารจัดการได้ทั้งระบบได้”
นายดลเราะหมาน นุ่มอุ้ย ประมงอาสาบ้านทุ่งเหรียง ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง การเลี้ยงปลากระชัง ปลาทับทิมแดงหรือปลานิล ปลากด และปลาโอน สำหรับปลาโอนได้เลี้ยงมาแล้วจำนวนหนึ่งประมาณ 200 ตัว โดยซื้อพันธุ์ปลาตัวละ 6 บาท ในขณะนั้นราคาตลาดสัตว์น้ำปลาโอนได้ราคาประมาณ 350 บาท / กก.
“ส่วนการตลาดทั้งปลาทับทิมแดง ปลานิล ปรากด และปลาโอนตลาดให้การตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะปลาโอนนั้นยังมีความต้องการอยู่มาก”
นายนิรันดร์ อุบลสุวรรณ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านประมง สำนักงานประมงจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า จ.พัทลุง เลี้ยงปลากระชังทั้งปลานิลหรือปลาทับทิม ปลากะพง ฯลฯ เป็นสัตว์น้ำที่ถูกควบคุมโดยผู้เลี้ยงจะต้องขออนุญาตและขึ้นทะเบียน
ปลากะพงรายใหญ่ คือ อ.ปากพะยูน ส่วนปลานิลหรือปลาทับทิมรายใหญ่ คือ อ.ตะโหมด อ.ป่าบอน เป็นต้น โดยมีการขึ้นทะเบียนจำนวน 209 ราย โดยพื้นที่เลี้ยงกว่า 18,597 ตรม. ขนาด 4 คูณ ตรม. / กระชัง กว่า 1,100 กระชัง โดยส่วนใหญ่จะเลี้ยงปลากะพง จำนวน 885 กระชัง ส่วนปลาทับทิมหรือปลานิล จำนวน 220 กระชัง
นายนิรันดร์ กล่าวว่า การเลี้ยงปลากระชัง ปลากะพงจะได้ประมาณ 440 ตัน โดยเฉลี่ย / รอบ ราคาหน้ากระชังประมาณ 150 บาท / กก. มีเงินหมุนสะพัดประมาณ 66 ล้านบาท ส่วนปลาทับทิม มีงเนหมุนสะพัดประมาณ 18 ล้านบาท / รอบ รวมกว่า 80 ล้านบาท
“สถานการณ์ประมงกะชัง ราคาจะขึ้นลงตามภาวะราคากลไกการตลาด และสถานการณ์การเลี้ยงยังผันผวนเรื่องของน้ำ ทั้งน้ำท่วม น้ำแห้ง และน้ำเสีย และกระทั่งศัตรูของปลาคือเหาน้ำ
หรือเห็บน้ำ”
นายนิรันดร์ กล่าวอีกว่า การเลี้ยงปลากระชัง จะต้องเป็นพื้นที่น้ำสะอาดและน้ำไหล และแหล่งน้ำธรรมชาติค่อนข้างจะเสี่ยง ทั้งน้ำแห้ง น้ำท่วม น้ำเสีย การเลี้ยงให้ยั่งยืนต้องน้ำดี และน้ำไหล จากความเสี่ยงหลาย ๆ พื้นที่ก็ได้ชะลอการเลี้ยง และส่วนหนึ่งก็มีการเลี้ยงบ่อดินกัน
“การเลี้ยงปลาที่ว่าตอบรับได้ดี เพราะ จ.พัทลุง ทิศทางการตอบรับที่ดี เพราะจากการขยายตัวของร้านอาหารที่มีมาก”.