โรงพยาบาลน่าน จับมือ 9 ภาคี ขึ้นสถานะ “โหนด DNA” แห่งแรกของ สปสช.เขต 1 เดินหน้าช่วยเหลือคนไทยไร้สิทธิ ขณะที่ ศูนย์ฯประชาคมน่าน เผยตัวเลข 8 อำเภอ พบปัญหาไร้บัตร – ไร้สิทธิ อำเภอบ่อเกลือมากที่สุด รองลงมาคือตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน


นายแพทย์วสันต์ แก้ววี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการสนับสนุนโรงพยาบาลน่าน เป็นเครือข่ายจัดเก็บสารพันธุกรรม (DNA) เพื่อการเข้าถึงหลักประกันทางสุขภาพของคนไทยและผู้ที่มีปัญหาสิทธิสถานะ ในพื้นที่จังหวัดน่านและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งโรงพยาบาลน่าน ได้ขึ้นเป็น ”แห่งแรก” ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 1 เป็นจังหวัดที่ 15 และเป็นโรงพยาบาลเครือข่าย ลำดับที่ 23 ของประเทศ โดยมี รศ.ภญ.ดร.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) นพ.ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ องค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปลัดอำเภอฝ่ายปกครอง อำเภอบ่อเกลือ และ อำเภอเมืองน่าน ศูนย์ประสานงานประชาคมจังหวัดน่าน นายกสมาคม อสม.จังหวัดน่าน และ สำนักงานสาธารณสุข อำเภอบ่อเกลือ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 26-27 พฤษภาคม 2568 และได้มีการลงพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน
นางสาววิไลพร ไหลงาม พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ กลุ่มนิติเวชคลินิก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ได้จัดอบรมและฝึกทักษะการเก็บสารพันธุกรรมตามมาตรฐาน 4 สถานี ให้กับกลุ่มงานเทคนิคการแพทย์ และ กลุ่มงานสังคมสงเคราะห์ รพ.น่าน ตั้งแต่การสัมภาษณ์ซักประวัติเก็บข้อมูล การทำเอกสารหลักฐานการส่งตรวจ การถ่ายภาพบุคคลเพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน และ การเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมเพื่อส่งตรวจ ซึ่งทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมให้การสนับสนุนทั้งด้านองค์ความรู้ วัสดุอุปกรณ์ และระบบ E-service ซึ่งทั้งหมดเป็นมาตรฐานและใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการยืนยันตัวบุคคลเพื่อขอสถานะได้ นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ เพื่อเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมให้กับบุคคลที่ตกหล่นและไร้สถานะด้วย
นางสาวปวริศา ธนามี ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอบ่อเกลือ เปิดเผยว่า หน่วยงานภาครัฐ และแกนนำชุมชน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญ ในรูปของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอบ่อเกลือ ได้ช่วยกันค้นหาคนไทยตกหล่น ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของปัญหาหลักในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ และ จากการสำรวจ ร่วมกับ ศูนย์ฯประชาคม มีประมาณ 30ราย ข้อมูลจากรายงานการขึ้นทะเบียน ร.พ.บ่อเกลือ จำนวนประมาณ 50 ราย และในส่วนของปกครองอำเภอบ่อเกลือที่ยื่นทะเบียน อีก 3 ราย ทำให้มีคนไทยตกหล่นไร้สิทธิ์ในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ อีกประมาณกว่า 80 ราย
ได้มีการซักประวัติและสอบสวนหาหลักฐานและบุคคลอ้างอิง ได้ประมาณ 6 ราย โดยทางศูนย์ประสานงานประชาคมจังหวัดน่าน ได้ให้อำเภอบ่อเกลือ เป็นพื้นที่นำร่องในการขึ้นเป็น โหนด DNA รพ.น่าน เพื่อนำบุคคล 6 ราย ได้อำนวยความสะดวกเพื่อให้ได้รับการตรวจสารพันธุกรรม ซึ่งในฐานะคนทำงานด้านนี้ มองว่า การที่จังหวัดน่าน มี โหนด DNA ถือเป็นประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากบุคคลซึ่งเป็นคนไทยที่ตกหล่นไร้สิทธิ โดยเฉพาะเกลุ่มเปราะบาง กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และผู้พิการ ต้องขาดสิทธิการเข้าถึงการรักษา สิทธิสวัสดิการช่วยเหลือจากรัฐ นอกจากนี้ยังมีเยาวชนที่เสียโอกาสการศึกษา และ อาชีพการทำงาน โหนด DNA จะช่วยให้มีหลักฐานสำคัญในการได้รับคืนสิทธิคนไทย
นางสุภาพ สิริบรรสพ หัวหน้าสำนักกิจการพิเศษ รพ.น่าน ในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงานประชาคมจังหวัดน่าน และหัวหน้าโครงการขยายบทบาทภาคประชาสังคม ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มประชากรเฉพาะ โดยสมาคมองค์กรสาธารณประโยชน์เพื่อสังคมไทยเข้มแข็ง(สxส) กล่าวว่า เราได้ดำเนินการมาตั้งแต่ 2560 ในการสำรวจคนไทยไร้สัญชาติมาก่อน และคนไทยที่ตกหล่น มีความยากลำบากในการไปตรวจ DNA ซึ่งต้องเดินทางไปต่างจังหวัด และคนกลุ่มนี้มีความยากไร้ ยากจน ขาดการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การเดินทางคมนาคม เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อทำงานกับ สำนัก 9 สสส. โครงการขยายบทบาทภาคประชาสังคม ฯ และได้ทำงานกับภาคีเครือข่าย เช่น สปสช. สสส. กอ.รมน.น่าน กระทรวงสาธารณสุข และเครือข่ายอื่นๆ ช่วยกันทำให้ โหนด DNA เกิดขึ้น เพื่อให้คนไทยตกหล่น ซึ่งขณะนี้มี 10 กว่ารายที่มีบุคคลอ้างอิงได้ เมื่อได้ตั้งโหนด DNAแล้ว เชื่อว่าจะมีผู้ขอรับการตรวจเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ ซึ่งเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับกลุ่มคนไทยไร้สิทธิเอง และลดภาระให้กับ โรงพยาบาลต้นสังกัด ทั้ง รพ.สต. รพ.อำเภอ รพ.จังหวัด เมื่อได้บัตร จะได้สิทธิรักษา และสิทธิต่างๆ ซึ่งทาง สปสช. จะช่วยให้คืนกับ รพ.ต้นสังกัด ย้อนหลัง ถึง 365 วัน และสิทธิอื่นๆ เช่น เบี้ยผู้สูงอายุ สิทธิผู้พิการ ซึ่งช่วยประชาชนคนน่าน และจังหวัดใกล้เคียง เช่น เชียงราย พะเยา แพร่ ลำปาง ที่จะสามารถมาตรวจที่ โหนด DNA รพ.น่าน และส่งต่อไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ต่อไป
ระรินธร เพ็ชรเจริญ รายงาน