รวบ "เจ๊เจี๊ยบ"เปิดบริษัทจัดหางานต่างประเทศ เหยื่อ 100 ราย เสียหายกว่า 30 ล้าน

รวบ "เจ๊เจี๊ยบ"เปิดบริษัทจัดหางานต่างประเทศ เหยื่อ 100 ราย เสียหายกว่า 30 ล้าน





Image
ad1

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางรวบเจ๊เจี๊ยบ เปิดบริษัทหลอกคนไทย ไปทำงานต่างประเทศ พบผู้เสียหาย 100 ราย ความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
 
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ร่วมกันจับกุม น.ส.ชลณกรณ์ฯ อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 53/2558 ลงวันที่ 12 มกราคม 2558 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันจัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนกลาง, ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถจัดหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานต่างประเทศได้โดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง และร่วมกันฉ้อโกง”สถานที่จับกุม บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ต.ม่วงค่อม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี

พฤติการณ์ เมื่อประมาณปลายปี 2557 ผู้เสียหายกว่า 100 คน เข้าร้องทุกข์ต่อกรมการจัดหางาน กรณีถูก
น.ส.ชลณกรณ์ฯ ผู้ต้องหา ในนามบริษัทแห่งหนึ่ง หลอกลวงว่าสามารถส่งไปทำงาน เป็นพ่อครัว แม่บ้าน เกษตรกร ในประเทศต่างๆ ได้ อาทิ ประเทศแคนาดา นิวซีแลนด์ และโปรตุเกส โดยมีการเรียกเก็บค่าดำเนินการ 300,000 – 400,000 บาทต่อคน อ้างว่าเป็นค่าประกันวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน ค่าส่งเอกสารไปต่างประเทศ แต่เมื่อถึงตามกำหนดนัด กลุ่มผู้เสียหายกลับไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้จริง เมื่อสอบถามกลับได้รับการบ่ายเบี่ยงว่านายจ้างที่ต่างประเทศยังไม่พร้อมรับตัวคนงาน ขอเลื่อนการเดินทางเรื่อยมา จนกระทั่งกลุ่มผู้เสียหายทนไม่ไหวขอเงินคืน แต่ก็ไม่ได้รับการชดใช้เงินคืน และสุดท้ายไม่สามารถติดต่อได้

ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุน.ส.ชลณกรณ์ฯ ผู้ต้องหา เป็นที่รู้จักในชื่อว่า “เจ๊เจี๊ยบ” ทำงานเป็นผู้ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ที่ศูนย์ทดสอบมาตรฐานแรงงานเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว สามารถลงนามในใบรับรองฝีมือแรงงานที่เป็นเอกสารสำคัญในการใช้ยื่นเพื่อไปทำงานต่างประเทศ ทำให้มีคนงานรู้จักจำนวนมาก และมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งให้ความไว้วางใจแก่คนหางาน จากนั้นได้ไปเปิดบริษัทขึ้นมา เพื่อจัดหาคนงานไปทำงานที่ต่างประเทศ ได้แก่ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศแคนาดา และประเทศโปรตุเกส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553-2557 มีคนงานมาสมัครตลอดระยะเวลาที่เปิดบริษัท รวมกว่า 100 คน จ่ายเงินค่าดำเนินการให้กับเจ๊เจี๊ยบ ผู้ต้องหารายนี้

แต่ก็ไม่สามารถบินไปทำงานต่างประเทศได้จริง เกิดความเสียหายอย่างมาก มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 30 ล้านบาท เมื่อรับเรื่องดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่กองการตรวจและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. ให้ดำเนินคดีกับ บริษัทดังกล่าว ซึ่งมี น.ส.ชลณกรณ์ฯ หรือเจ๊เจี๊ยบเป็นเจ้าของ จากการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์ทางทะเบียนจากกรมการจัดหางาน ปรากฏว่า น.ส.ชลณกรณ์ฯ และบริษัทดังกล่าว ได้ถูกกรมการจัดหางาน มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตไปตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2554 เนื่องจากได้เคยกระทำความผิดหลอกลวงคนงานมาก่อน บริษัทฯ จึงไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ รวมทั้งเงินหลักประกันที่บริษัทวางไว้ต่อกรมการจัดหางาน จำนวน 5,000,000 บาท ก็ได้ถูกกรมการจัดหางานมีคำสั่งหักเพื่อคืนให้แก่คนงานที่ร้องทุกข์ไว้จนหมด ไม่เพียงพอที่จะหักคืนให้แก่ผู้เสียหายได้ครบถ้วนทุกราย 

ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับน.ส.ชลณกรณ์ฯ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันจัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนกลาง, ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถจัดหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานต่างประเทศได้โดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง และร่วมกันฉ้อโกง” ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 53/2558 ลงวันที่ 12 มกราคม 2558

จนกระทั่ง ล่าสุดเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีไปพักอาศัยอยู่ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี กับสามีใหม่ และมีลูกด้วยกัน 1 คน จึงได้ลงพื้นที่เพื่อสืบสวนติดตามตัว และเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหายังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับอีก จำนวน 6 หมาย และทั้งหมดกำลังใกล้ที่จะหมดอายุความลง มีดังนี้ หมายจับ ที่ จ.356/2559 สภ.บ้านดุง, หมายจับ ที่ 78/2557 สภ.สุวรรณคูหา, หมายจับ ที่ 290/2556 สภ.บ้านโคก, หมายจับ ที่ 29/2557 สภ.สุวรรณคูหา, หมายจับ ที่ 57/2559 สภ.บ้านตา, หมายจับ ที่ จ.107/2557 สภ.หนองสองห้อง ทั้งนี้ สาเหตุที่การติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้เป็นไปด้วยความยากลำบากและใช้เวลายาวนาน เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนีอย่างแนบเนียน และมีความระมัดระวังตัวสูง โดยได้ปกปิดอัตลักษณ์ของตน ด้วยการสร้างตัวตนใหม่โดยใช้ชื่อของบุคคลที่ไม่มีอยู่จริง

นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังมีความรู้ความชำนาญในเส้นทางตามแนวชายแดนของ อ.แม่สอด จังหวัดตาก หรือแนวชายแดนไทย-พม่า และสามารถใช้ช่องทางธรรมชาติในการหลบหนีได้อย่างคล่องแคล่ว เนื่องจากเป็นบุคคลในพื้นที่ชายแดนเดิม ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มความยากต่อการติดตามตัวอย่างมาก และมีการเปลี่ยนแปลงที่พักอาศัยอยู่เป็นระยะ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ จนต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลอย่างรอบคอบ ก่อนจะสามารถเข้าทำการจับกุมตัวได้ในที่สุด

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ระบุว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ผู้ต้องหาใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน หวาดระแวง ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน และรู้ดีว่าวันหนึ่งกฎหมายจะตามทัน แม้พยายามหลบหนีข้ามแดน แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหลุดพ้นความผิดได้ ถูกจับกุมในที่สุด