ราคาแพงแห่ทำสวนกาแฟดันยอดจองต้นกล้ากาแฟข้ามปี


ยอดจองซื้อต้นกล้ากาแฟทะลักข้ามปีกว่า 4 ล้านต้น หลังราคากาแฟราคาพุ่ง โรบัสต้า 200 บาท/กก. อราบิก้า 380-400 บาท/กก. ทำหน่วยงานรัฐ บริษัทเพาะพันธุ์กาแฟผลิตไม่ทัน เกษตรกรเร่งขยายพื้นที่ปลูก
นายนัด ดวงใส กรรมการพืชกาแฟ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ปรึกษาชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีหลายบริษัทกำลังเร่งเพาะพันธุ์ต้นกล้ากาแฟ เนื่องจากมียอดคำสั่งจองเข้ามาจำนวนมาก หลังจากที่ราคาเมล็ดกาแฟได้ปรับสูงขึ้นกว่า 200 บาท/กก. จึงมีเกษตรกรเตรียมขยายพื้นที่เพาะปลูกจำนวนมาก โดยภาพรวมทั้งประเทศตอนนี้มีการเพาะต้นกล้ากาแฟแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ล้านต้น ซึ่งทั้งหมดถูกสั่งจองแล้ว โดยราคาต้นกล้ากาแฟโรบัสต้าได้ปรับขึ้นจาก 10 บาท เป็น 20 บาท/ต้น
ภาวะกาแฟในปี 2568 บริษัทแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟขนาดใหญ่ของประเทศ ได้ปิดฤดูการรับซื้อขายตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2568 เป็นต้นมา แต่กาแฟบางพื้นที่ยังมีการเก็บเกี่ยว เพราะออกผลผลิตไม่พร้อมกัน โดยปี 2567/2568 มีปริมาณผลผลิตกาแฟเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากฝนตกลงมาเมื่อช่วงปลายปี 2567 ถึง 2 ระลอก ทำให้ต้นกาแฟได้น้ำในช่วงสุดท้ายก่อนเก็บเกี่ยว แต่ถึงอย่างไรผลผลิตยังมีปริมาณน้อย และขาดแคลน เพราะพื้น ปลูกกาแฟลดลงต่อเนื่อง
โดยเกษตรกรบางส่วนได้นำพื้นที่จำนวนมากไปลงทุนปลูกทุเรียน แต่ปรากฏว่ามีแหล่งน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ประสบปัญหาต้นทุเรียนขาดน้ำ ส่งผลให้ทุเรียนล้มตายเสียหายไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีเกษตรกรบางส่วนมีแนวโน้มหันกลับมาปลูกกาแฟ
นายนัด กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะการขยายพื้นที่ปลูกกาแฟสายพันธุ์อราบิก้าในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และน่าน ฯลฯ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ขณะที่กาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าที่นิยมปลูกในพื้นที่ภาคใต้เป็นหลัก มีปริมาณผลผลิตที่น้อยกว่า
ทั้งนี้ ที่จังหวัดชุมพรเคยนำกาแฟสายพันธุ์อราบิก้ามาปลูก เพราะเห็นว่ามีความต้องการสูง และราคาจะสูงกว่าโรบัสต้าเป็นเท่าตัว แต่ถูกปฏิเสธการซื้อขาย เนื่องจากกาแฟสายพันธุ์อราบิก้ามีพื้นที่และสภาพอากาศที่เหมาะสมในการปลูกที่ภาคเหนือ โดยปัจจุบันราคาโรบัสต้า 200 บาท/กก. ราคากาแฟอราบิก้าไม่ต่ำกว่า 380-400 บาท/กก.
กาแฟราคาดีทำให้ปัจจุบันเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟต่างวิ่งหาซื้อพันธุ์ต้นกล้ากันจำนวนมาก แต่หลายคนกลัวถูกหลอก เพราะมีบางรายมาขายต้นกล้า และบอกจะรับซื้อคืน จึงไปสั่งจองต้นกล้ากาแฟโรบัสต้าที่ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร
แต่เท่าที่สอบถามเจ้าหน้าที่ตอนนี้มีคนสั่งจองเข้าไปหลายแสนต้น ทั้งกาแฟเพาะเมล็ด ราคาต้นละ 10 บาท กาแฟเพาะเนื้อเยื่อ ราคาต้นละ 22 บาท และกาแฟเสียบยอด ราคาต้นละ 20 บาท ขณะที่กำลังการผลิตของศูนย์วิจัยทำได้ต่อปีน้อยมาก จึงต้องรอกันข้ามปีถึงจะได้ต้นกล้าไปปลูก ขณะที่ในท้องตลาดมีการขยายพันธุ์ต้นกล้าตั้งแต่ระดับราคา 15 บาท ถึง 150 บาท
อนึ่ง สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานสถานการณ์การผลิตกาแฟไทยปีการผลิต 2567/2568 (ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2568) ได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้ผลผลิตลดลง
โดยปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกกาแฟกว่า 220,053 ไร่ แบ่งเป็น พันธุ์อราบิก้า 139,998 ไร่ และโรบัสต้า 80,055 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีพื้นที่ปลูก 216,517 ไร่ (กาแฟอราบิก้า 129,778 ไร่ และโรบัสต้า 86,739 ไร่) ผลผลิตรวม 15,651 ตัน (อราบิก้า 10,682 ตัน และโรบัสต้า 4,969 ตัน) หรือผลผลิตลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มีผลผลิต 16,623 ตัน (กาแฟอราบิก้า 10,690 ตัน และโรบัสต้า 5,933 ตัน)
ขณะที่ปริมาณความต้องการใช้เมล็ดกาแฟในประเทศไทยมีมากกว่า 95,500 ตัน ส่งผลทำให้ต้องนำเข้ากาแฟทั้งในรูปเมล็ดกาแฟดิบ เมล็ดกาแฟคั่ว กาแฟสำเร็จรูป และรูปแบบอื่น ๆ จากต่างประเทศมากกว่า 80,000 ตัน/ปี
มีผลทำให้ราคากาแฟมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ราคาที่เกษตรกรขายได้พบว่า เมล็ดกาแฟอราบิก้า (กะลา) เฉลี่ยราคา ณ เดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ 163 บาท/กก. เมื่อเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา กาแฟอราบิก้า (กะลา) เฉลี่ยอยู่ที่ 160 บาท/กก. หรือราคาเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.88 และกาแฟโรบัสต้าเฉลี่ยอยู่ที่ 188 บาท/กก.
เมื่อเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา กาแฟโรบัสต้า (กาแฟสาร-เมล็ดกาแฟดิบพร้อมคั่ว) เฉลี่ยอยู่ที่ 80 บาท/กก. หรือราคาเพิ่มสูงขึ้นมากถึงร้อยละ 135.00