"คาร์บอมบ์"สนามบินนราธิวาส ชี้"บีอาร์เอ็น"ส่งเชิงสัญลักษณ์ไม่ต้อนรับ"ทักษิณ"ลงชายแดนใต้


สว.สื่อสารมวลชน ระบุ “คาร์บอมบ์” ท่าอากาศยาน นราธิวาส “3 ประเด็น” เชิงสัญลักษณ์ BRN ไม่ต้อนรับนายทักษิณ ชินวัตร ที่หาว่าจุดชนวนไฟใต้เข้ามากำกับการดับไฟใต้
จากกรณีที่มีระเบิดคาร์บอมบ์ ในสนามบิน จ.นราธิวาส ก่อนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีผู้บาดเจ็บหลายราย และทั้งนี้ได้มีเหตุการณ์รุนแรงใน จ.นราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 จนถึงขณะนี้มีความถี่และได้สร้างความเสียหายมาก และยังมีแนวโน้มว่าจะเกิดเหตุการณ์สร้างความหวั่นวิตกให้ประชาชน
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า ระเบิดแสวงเครื่องที่เกิดขึ้นในสนามบิน จ.นราธิวาส ก่อนที่คณะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางถึง 50 นาที มี 3 ประเด็น
1.เป็นการแสดงออกจากขบวนการแบ่งแยกดินแดน BRN ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ และไม่ต้อนรับการเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่ BRN กล่าวว่าหาว่าเป็นผู้จุดชนวนของไฟใต้ ครั้งที่เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2547
นายไชยยงค์ กล่าวว่า ผู้ที่เรียกขบวนการ BRN ว่าเป็นโจรกระจอก เป็นผู้ยุบ ศอ.บต. และ พตท.43 และก่อนหน้านี้ หลังจากที่นายทักษิณ เดินทางไปพบกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อขอความร่วมมือในการปราบปรามขบวนการ BRN ที่มีฐานที่มั่นในรัฐกลันตันมาเลเซีย จนโฆษก BRN ข่มขู่ว่าหากมีการให้รัฐบาลมาเลเซียเข้ามากดดัน BRN สถานการณ์จังหวัดชายแดนใต้ อาจจะรุนแรงมากขึ้น
“เป็นที่น่าสังเกตว่าการวางระเบิดคาร์บอมบ์ครั้งนี้ BRNต้องการเพียงการแสดงถึงสัญลักษณ์ให้รู้ว่าไม่ต้องการให้นายทักษิณ ชินวัตร มาเป็นผู้กำกับการดับไฟใต้ คาร์บอมบ์จึงเป็นเพียงระเบิดขนาดเล็กที่ไม่มีสะเก็ดระเบิด ไม่ต้องการทำลายล้าง แต่ต้องการสื่อไปยังนายทักษิณ ชินวัตรและรัฐบาล”
นายไชยยงค์ กล่าวอีกว่า ประเด็นสุดท้ายระเบิดแสวงเครื่องที่เป็นคาร์บอมบ์ สามารถหลุดรอดจากการตรวจของเจ้าหน้าที่ แสดงให้เห็นความหย่อนยานความบกพร่องของท่าอากาศยานและหน่วยความมั่นคง ที่มีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย ที่ปล่อยให้รถยนต์ของเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาน ซึ่งแนวร่วม BRN ได้นำระเบิดแสวงเครื่องไปติดตั้งไว้ในขณะที่รถยนต์คันนี้จอดอยู่นอกพื้นที่ของท่าอากาศยาน ระเบิดที่แนวร่วมนำมาติดตั้งในรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาน จึงเป็นระเบิดขนาดเล็กที่ต้องการให้เกิดเสียงดัง แต่ไม่ต้องการสร้างความเสียหายให้เจ้าหน้าที่ จึงมีเพียงเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากการหูอื้อแน่นหน้าอกเพียง 4 ราย
ซึ่งถ้าแนวร่วม BRN ติดตั้งระเบิดแสวงเครื่องที่มีน้ำหนัก 20 กก.และมีการใส่สะเก็ตระเบิดอานุภาพการทำลายล้าง ก็จะทำให้รถยนต์ที่ใช้เป็นคาร์บอมบ์แหลกเป็นจุลและต้องมีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บเสียชีวิตหลายคน ทั้งท่าอากาศยานและ กอ.รมน.ภาค 4 ต้องกลายเป็นเป้าหมายในความสูญเสียที่เกิดขึ้นการวางระเบิดเพื่อต้อนรับทักษิณ ชินวัตร และคณะ จึงเป็นการส่งเสียงเตือนให้อดีตนายกรัฐมนตรีถอยจากการเข้ามาวุ่นวายในจังหวัดชายแดนภาคใต้
นายไชยยงค์ กล่าวว่า ประเด็นที่ 3 การเดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาสโดยมีหมุดหมายที่โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิสาส เพราะในปี 2547 ที่นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี มีการจับกุมนายมะแซ อุเซ็ง อดีตเลขาธิการ BRN เจ้าของแผนบันได 7 ขั้น ได้ที่โดนยึดเอกสารได้ที่โรงเรียนแห่งนี้ พร้อมทั้งการออกหมายจับนายมะแซ อุเซ็งในข้อหา อั้งยี่ ซ้องโจรและแบ่งแยกดินแดน
ดังนั้นโรงเรียนแห่งนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ที่เคยเป็นศูนย์รวมการแบ่งแยกดินแดน การนัดหมายพบปะกับผู้นำศาสนา ณ โรงเรียนสัมพันธ์วิทยาของนายทักษิณ ชินวัตร จึงมีนัยทางการเมืองของดับไฟใต้ในครั้งนี้
นายไชยยงค์ กล่าวอี่กว่า เช่นเดียวการเดินทางไปยังวัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เนื่องจากวัดดังกล่าว เจ้าอาวาส ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของเจ้าคณะภาค 18 เป็นที่เคารพของชาวไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่เป็นศูนย์รวมของพี่น้องชาวไทยพุทธ การเดินทางมานมัสการเข้าอาวาสวัดประชุมชลธารา พบพประชาชนชาวไทยพุทธ จึงเป็นการได้คะแนนเสียงและได้รับการต้อนรัยจากประชาชนในพื้นที่ค่อนข้างมาก
และก่อนหน้าที่คณะของนายทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางมายัง จ.นราธิวาส ได้มีการวางระเบิดแสวงเครื่อง หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในเขต อ.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป้าหมายคือเจ้าหน้าที่ทหารพราน ทำให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 7 คนและมีชาวบ้านถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งเป็นการแสดงออกของขบวนการ BRN ที่มีต่อการลงพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของอดีตนายกรัฐมนตรีและคณะ.