“นักวิชการ” ชี้ข้าวสรรพสี01 มีคุณค่าโปรตีนสูง-แปรรูปอาหารเพียบ


เชื่อว่าหลายๆคนอาจไม่ค่อยคุ้นเคย “ข้าวสรรพสี” มากนัก แต่บางท้องที่เคยนำข้าวสรรพสีมาเพาะปลูก แพร่พันธุ์กันให้อยู่แค่บางท้องถิ่น ยังไม่แพร่หลายมากนัก ซึ่งที่มาจากนักวิชาการ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าวได้ร่วมคิดค้นพัฒนาพันธุ์ ที่เกิดจากการผสมข้าวพันธุ์ระหว่างพันธุ์พ่อ” ข้าวเจ้าหอมนิลพันธุ์กลายใบขาว” กับสายพันธุ์แม่ “ข้าวกล่ำหอมนิล”
ปัจจุบันนักวิชการเกษตรได้ก้าวไปอีกระดับหนึ่งพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ “ข้าวสรรพสี 01” ได้ดำเนินงานมาร่วม 15 ปี โดยมีข้าวเหนียว เป็นพ่อแม่ และพันธุ์ข้าวเจ้า เบอร์3 สามารถที่สร้างใบข้าวได้ออกมาหลากหลายสีสัน อย่างสีม่วง แดง น้ำตาล ซึ่งเมล็ดข้าวเหล่านี้มีคุณค่าทางโปรตีนสูง 14 เปอร์เซ็นต์ ลักษณะมีใบหลากหลายสีสรร ต่างจากพันธุ์ข้าวทั่วไปใบข้าวสีเขียว
ศ.ดร.อภิชาติ วรรณวิจิตร ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ข้าวสรรพสี 01 เกษตรกรนิยมปลูกข้าวกันแถบภาคเหนือ อย่างจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน ปีนี้ทางจังหวัดพะเยา เริ่มนำมาเพาะปลูก ซึ่งโดยภาพรวมแล้ว เกษตรไม่นิยมปลูกกันแพร่หลาย เนื่องจากยังมีข้อจำกัด ด้วยสภาพพื้นที่ แหล่งน้ำและสภาพอากาศที่เย็น ประกอบกับเมล็ดพันธุ์ข้าว ยังไม่เพียงพอกับความต้องการเกษตรกร จะเห็นการเพาะปลูกนิยมกันตามแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรมากกว่า
ส่วนใบของข้าว สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการแปรรูปอาหารมากมาย อย่างนำมาบดให้ละเอียดผลิตเป็น “ข้าวสาลี” นำมาทำคุกกี้ ขนมปังได้ หรือสกัดนำมาเป็นโปรตีน รับประทานเพื่อบำรุงสมอง ส่วนใบนำมาใช้ประโยชน์ได้ 70 เปอร์เซ็นต์ เกษตรกรนิยมทำการเพาะปลูกกันในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม เนื่องจากเมืองไทยเป็นช่วงอากาศหนาวเย็น ส่งผลให้ใบข้าว ทำการเปลี่ยนสีสวยงาม ถ้าอากาศร้อนมาก ใบจะไม่มีการเปลี่ยนสีให้เห็นกันมากนัก
ปัจจุบันข้าวสรรพสี 01 เริ่มได้รับความสนใจปลูกกันเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกษตรจะนำข้าวสรรพสี01 มาแปรรูป เนื่องจากมีโปรตีนสูง อย่างการเพาะปลูกข้าวสรรพสี01 บนเนื้อที่ขนาด 1 ไร่ สามารถนำใบมาสกัดโปรตีนได้ 40 กิโลกรัม สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรหลักแสน ตอนนี้จะนิยมปลูกกันที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอนและอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนที่จังหวัดพะเยา นิยมปลูกเพื่อความสวยงาม ที่โครงการสร้างศิลปะบนผืนนา ด้วยข้าวสรรพสี
ส่วนในอนาคต กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงพันธุ์ และมีความเป็นไปได้ที่นำมาทำสารสกัดผลิต “ยาหยอดตา”เนื่องจากพบว่ามีคุณประโยชน์โปรตีนสูง ซึ่งปัจจุบันได้มีการจดทะเบียน พันธุ์พืชใหม่ จากกรมวิชาการเกษตรเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมกราคมนี้ โดยพื้นที่ทำการเพาะปลูกข้าว จะเน้นทำการเกษตรแบบอินทรีย์เป็นหลัก