เปิดภาพสำคัญ ผู้บุกเบิก เปิดม่านด่านถาวรช่องสงำ ชายแดนไทยกัมพูชา ด้านศรีสะเกษ
คนใส่เสื้อซาฟารีสีดำ พลตรีโต๊ว รา รองเสนาธิการทหารภูมิภาคทหารที่ 4 ประเทศกัมพูชา สนิทสนมกันกับผมทั้งหมด ผมมาที่นี่บ่อยมาก เพราะทำข่าวให้หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษบางกอกโพสต์ BANGKOK POST ที่นำเสนอข่าวสงครามและข่าวชายแดนไทยกัมพูชาประกอบกับผมชอบป่าดงพงไพรเป็นทุนเดิมอยู่ด้วยและสื่อสารภาษาเขมรกันได้
ทั้งสี่คนที่นั่งอยู่เป็นเขมรทั้งหมด
คนซ้ายมือเป็นเขมรขุนหาญ อดีตรองประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ คนถัดมาเป็นเขมรสุรินทร์ คนขวาสุด เป็นเขมรขุขันธุ์ สถานะ"ล่าม"
ไปยืนปะปนกันในงานสองประเทศ
คนกัมพูชา เขาจะเรียกตัวเองว่า ขแมร์
ไม่เรียกว่า กัมพูชา เรียกเรานักท่องเที่ยวว่า ไทย
แต่ชาวบ้านทั้งสองฝั่ง
เรียกกันเองเพื่อให้รู้ชัดเจน เขมรฝั่งโน้นจะเรียกเขมรฝั่งไทยว่า เขมรลือ แปลว่า เขมรสูง หรือเขมรที่ราบสูง เพราะเขตแดนจะอยู่ตืนเขาด้านเขมร ที่ไทยได้เปรียบ เพราะเคยเป็นเมืองขึ้นของไทย
ส่วนเขมร ฝั่งโน้นจะเรียกว่า เขมรต่ำ เรียกเป็นสำเนียงเขมรว่า "เขมรกรอม" แปลว่า เขมรต่ำ หรือเขมรทีลุ่มต่ำ คำว่า"กรอม"เลยคนเขียนบันทึกเป็น "ขอม"
เขียนถึงตอนนี้แล้ว มาทำเข้าใจที่มาของคำจำกัดความ "ปราสาทขอม" ว่า เขมรกรอม ดินแดนนี้ มีปราสาทน้อยใหญ่กระจัดกระจายทั่วไป แต่ละท้องถิ่นแข่งกันสร้างปราสาท เป็นดินแดนแห่ง"ปราสาทเขมรกรอม" เรียกเพี้ยนมาเป็น ปราสาทขอม
ไทยเราก็ลำใยเหนือ สะตอใต้
เขมรกรอม 'ขอม" เขมรทางตอนใต้ ประกอบด้วย เขมร จาม ขมุ อินเดีย ญวน จีน ฯ ทั้งหมดเป็นขอม
เหมือนคนใต้ของไทย
คนเชื้อสายอินเดีย ไหหลำ จีน ที่ทำมาหากินพูดสำเนียงใต้ชัดเจนก็เรียกตัวเองว่า"คนใต้ "ไทยเราเรียกปราสาทขอม คนเขมรอาจจะเรียกว่าปราสาทเกลาสนั้นว่า"ปราสาทอินเดีย"ก็ได้ เพราะเป็นอินเดียต้นแบบและเอาช่างอินเดียมาสร้าง คนเขมรก็อพยพมาจากอินเดียตอนใต้
ขอม คือ เขมร
ผมจะมาที่นี่บ่อยก่อนมีการเปิดด่านถาวรช่องสงำ ที่ได้มีการติดตาทำข่าวร่วมกับ คุณหัตถชัย เพ็งแจ่ม ประธานคณะอนุกรรมการประสานงานประจำจังหวัดชายแดนไทยกัมพูชาของสมาคมมิตรภาพไทย- กัมพูชากระทรวงต่างประเทศ อีกตำแหน่งหนึ่ง รองประธานหอการค้าศรีสะเกษ (ยืนคู่กับ พลตรีสโต๊ว รา )ซึ่ง ตัวจักรสำคัญการประสานให้มีการเปิดด่านถาวรได้จนสำเร็จ
ทั้ง 5 บุกคนนี้จึงเรียกได้ว่าผู้ก่อกำเนิดด่านถาวรช่องสงำอำเภอภูสิงห์จังหวัดศรีสะเกษ
ครั้งก่อนจะถึงช่องสะงำ จะมีด่านทหารที่ตำบลไพรพัฒนาจะเป็นเส้นทางเป็นโขเหิน ฤดูฝนนั้นโหดยิ่งกว่าซาฟารี เละ หลุมลึก ระยะทาง16 กม เรียกเสีนทางสายนี้ว่า ถนนสายลวด ตอนนั้น มีนายหัตชัย เพ็งแจ่ม หนุ่มหล่อชาว ละลมขุขันธ์ เป็นเจ้าพ่อหนุ่ม ผู้ชำนาณพื้นที่ป่าพนาสัณฑ์เขตนี้ ว่างั้นเถอะ ส่วน อาจารย์เข็มไทย บุญทศ ภรรยาท่านก็เป็นคลังสินค้าใหญ่ขายส่งให้เขมรแดง สนิทสนมกับ นายพล ตา ม๊อก คนสำคัญเขมรแดง ผมก็อาศัยบารมีทั้งสองบุกไปชายแดนอย่างปลอดโปร่ง
ที่ช่องสงำเดิมซึ่งอยู่ทางซ้ายของด่านถาวรทุกวันนี้
จะมีขาวเขมรทำเป็นเพิงชั้นเดียวเป็นบ้านพักแบบลวกๆไม่ถาวรนักขายสินค้าพวกเสื้อผ้า ของใช้ประจำวัน ก๋วยเตี๋ยว บุหรีนอกทำในเขมร เหล้า ผักป่า มีร้านค้าของคนไทยน้อย มีร้านขายเหล้า มีหญิงขายบริด้วย ทั้งชาวกัมพูชา ลูกครึ่งฝรั่งเศส สาวเวียตนาม ราคาไม่แพงเลย
เมื่ออยากจะข้ามไปฝั่งโน้นต้องตั้งใจมั่น เครื่องรถยนต์จะต้องพร้อม ใจโชเฟอร์ต้องพร้อม อำเภอแรกคืออำเภออัลลองเวง ที่มั่นสุดท้ายของเขมรแดง เสราะโช๊ะ บ้านหนองบัว ก่อนถึงเมืองอัลลองเวง (แปลว่าร่องน้ำลึกที่เหยียดยาว) เป็นบ้านเกิดของนายพล ตา ม็อก เมื่อตายก็เอาศพมาเผาที่บ้านเกิดนี้ ผมยังได้ไปถ่ายข่าวที่งานในฤดูฝนเดินด้วยความยากลำบากลำบากครับ
การเดินทางสู่เขมรนั้นด้วยเส้นทางธรรมชาติจะต่ำลงไปเรื่อยๆ รถสิบล้อบางคันไม่กล้าไป ช่วงลงมอพอลงไปด้านล่างมองขึ้นมาจะเป็นผาน้ำไหลลงมาทำให้เสียวสันหลัง
"สงำ" แปลว่า พื้นที่ชื่นแฉะ อาจจะเอาจุดไฮไลท์ นี้ตั้งชื่อ หรือกองถ่ายสารคดี จะต้องเอาที่นี่เป็นแบ๊คกราวถ่ายทำ
สงำ สำเนียงเขมร พูดควบ กล้ำ พูดเร็วๆ ไม่น่าจะ มี สระ ะ สะงำ ควรเขียนว่า สงำ
ขะแมรร์ ต้องเขียนว่า "ขแมรร์" แม้ไม่ใส่ ะ ก็ออกเสียง ะได้เช่น ถล่มทลาย ผมว่าภาษาไทยของ ขุนรามคำแหงควรต้องมีการ ชำระ ชำแหละแก้ไขใหม่
เมื่อเดินทางต่อไปยังจังหวัดเสียมเรียบ เส้นทางผ่านลำคลอง รถยนต์ต้องผ่านสะพานผุพัง บางแห่งใต่บนไม้แผ่นเดียวเท่าล้อรถยนต์ โอ้ พระเจ้า ข้ามไปได้ไง?
กัมพูชา ในอตีดผู้ครองเมือง บ้าแต่สร้างปราสาท เป็นเมืองขึ้นของฝั่งเศส ฟื้นประเทศได้ พล พต ผู้นำเขมรแดง ผู้สมองวิปริต เอาปัญญาชน แหล่งเงินทองของประเทศไปฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ ไม่เหลือทรัพยากรมนุษย์ เหลือแต่ประชาชนไม่มีความรู้ จะพัฒนาประเทศได้อย่างไร ชาตินี้ทั้งชาติยังคงอยูในสภาพประเทศด้อยพัฒนาต่อไปจากยุค ฮุน เซ็น มาถึงยุค ฮุนมาเนต ลูกชาย ก็ไม่มีทางฟื้นได้
ในด้านการท่องเที่ยวชมปราสาท หลายแห่งนั้น จะมีเด็กมาคอยประกบเซ้าซี้ขายสินค้า คนแล้วคนเล่าทุกแห่ง จนเป็นที่รำคาญแก่นักท่องเที่ยว ทุกวันนี้นักท่องเดินทางไปน้อยที่สุด
ขณะที่ตลาดเมืองใหม่ช่องสงำ ลงทุนไปหลายสิบล้านหมายมั่นจะให้เฟื่ิงฟู จนดาราดังเอสชื่อตัวเองไปตั้งชื่อวัดอยู่ริมถนน กระนั้นช่องสงำก็ไม่เคยเฟื่องฟู "วัดดัง" ที่คนไปทำบุญวัดนี้ ประสบอุบัตเหตุอาเพศภัยรถตกเหวตกถนนบาดเจ็บล้มตายสองครั้งต้นปีและกลางปี ยิ่งสร้างความสยองขวัญไม่อยากผ่านถนนสายอาถรรพ์นี้เท่าใดนัก วัดก็ซบเซาในยามเงินจากรัฐบาลไม่สพัดก็ยิางทำให่คนหาสงเหินเมินวัด
เสนาะ วรรักษ์/รายงาน