ชาวนามหาสารคาม แปรรูปข้าวเหนียวทำขนม เพิ่มมูลค่าทำรายได้วันละเกือบ 2 พัน


เกษตรกรที่มหาสารคาม แปรรูปข้าวเหนียวต่างๆ มาเป็นขนมเพื่อเพิ่มมูลค่า เพราะขายข้าวสารได้ กก.ละ 60 บาท แต่ถ้ามาทำเป็นข้าวต้มมัดได้ถึง 300 บาท/กก. โดยออกขายตามตลาดหรืองานต่างๆ รายได้วันละเกือบ 2,000 บาท
นางนวลจันทร์ จันทบุตร อายุ 55 ปี ประธานกลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านหนองคูศรีวิลัย อ.เมือง จ.มหาสารคาม กล่าวว่า กลุ่มเกษตรอินทรีย์มีการอนุรักษ์และพัฒนาพันธุ์ข้าวพื้นบ้าน ปรับเปลี่ยนจากที่ปลูกแต่ข้าว กข 105 ให้หันมาปลูก ข้าวเหนียวดำ ข้าวมะลิแดง ข้าวไรซ์เบอร์รี ข้าวมะลิหอมใบเตย เป็นการพัฒนาตลาดทางเลือกให้เป็นพื้นที่สุขภาพและเพิ่มมูลค่าของข้าวให้กับกลุ่มเกษตรอินทรีย์ ตนเองก็ปลูกเป็นข้าวเหนียวดำ 4 ไร่ ข้าวเหนียวแดง 2 ไร่ ก็จะนำออกมาขายพันธุ์ข้าวบ้าง ข้าวเปลือก ข้าวสาร ทั้งแปรรูปมาเป็นข้าวก้อง และก็มาเพิ่มมูลค่าของข้าวเหนียวดำมาทำเป็นข้าวต้มมัด
ประธานกลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านหนองคูศรีวิลัย กล่าวต่อว่า จากที่ขายข้าวสาร กก.ละ 60 บาท เอามาทำเป็นข้าวต้มมัด ขายได้ กก.ละ 300 บาท มูลค่าสูงขึ้นทั้งที่ พอมีตลาดเราก็จึงได้มีการแปรรูปข้าวเหนียวต่างๆ ออกมาขาย อย่าง สังขยาข้าวเหนียวดำหน้างา ขายชิ้นละ 10 บาท ทำมา 40 ห่อ นำข้าวเหนียวไปแช่ไว้ แล้วก็หุง จากนั้นก็นำกะทิผสมกับน้ำตาลอ้อยน้ำตาลมะพร้าวในกระทะ จากนั้นก็เอาข้าวเหนียวที่ หุงเสร็จก็มามัดให้เข้ากันกับกะทิจนจับตัวกัน ก็เอามาพักเก็บไว้ แล้วก็ใส่กะละมังเก็บ พอมาที่หน้างานก็มาตักใส่ใบตองขาย
"ข้าวเหนียวดำทำเป็นข้าวต้มมัดไส้กล้วยใส่ถั่วดำ ขายมัดละ 10 บาท ทำมาประมาณ 40 มัด ข้าวต้มมัดข้าวเหนียวแดงขายกลีบละ 5 บาท ทำมาขาย 80 กลีบ ใช้ข้าวเหนียวแต่ละอย่างไม่เกิน 2 กก. ทำออกมาขายแต่ละครั้งก็มีรายได้วันละเกือบ 2,000 บาท" นางนวลจันทร์ กล่าว.