เมียวอนตร.ขอนแก่นช่วยเหลือด่วน!ผัวทาสยาบ้าคลั่งบุกทุบรถ-บ้านพังยับ


ครอบครัววอนช่วยเหลือ หลังสามีติดยาบ้าอย่างหนัก ล่าสุดคุ้มคลั่งอาละวาดทุบทำลายทรัพย์สินในบ้านเสียหาย ซ้อมภรรยาน่วมทั้งตัวต่อหน้าลูก แจ้งตำรวจกลับถูกบอกว่าเป็นปัญหาครอบครัว ยืนยันขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุดและขอแยกทางจากกันไม่ขอยุ่งเกี่ยว
เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลมีเดียละเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพเหตุการณ์ นาย สุขสันต์อายุ 45 ปี ขับรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ ตอนเดียว มีคอก สีเขียวเข้ม ขับดันรถยนต์กระบะของน้องชายภรรยาตัวเอง และทุบทำลายกระจกทุกบานจนแตกเสียหายรอบคัน และปาก่อนอิฐในกระจกประตูบ้านเป็นวงขนาดใหญ่เสียหาย ซึ่งมีลูกน้อยนั่งอยู่ภายในรถที่ขับมาด้วย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของเมื่อวานที่ผ่านมา (22 ก.ค.)โดยผู้ที่ถ่ายคลิปไว้คือภรรยาของนายสุขสันต์เอง
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านเลขที่ 144/99 ม.20 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยได้่พบกับนายสายัณห์ พรหมภูมิวงศ์ อายุ 71 ปี นางยุภาลักษณ์ พรหมภูมิวงศ์ อายุ71 ปี และ น.ส.ภิชยา พรหมภูมิวงศ์ อายุ 43 ปี หลังนาย สุขสันต์ มีศิลป์ อายุ 45 ปี สามีของ น.ส.ภิชยา คลุ้มคลั่งจากยาเสพติด ตามคลิปภาพที่ปรากฎในโซเชียลมีเดีย
น.ส.ภิชยา กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมา นายสุขสันต์ได้ขับรถมาจอดหน้าบ้านพร้อมกับลูก ก่อนที่จะปาก้อนอิฐขนาดใหญ่เข้ามาในบ้านก่อนถูกประตูกระจกหน้าบ้านจนแตกเป็นรูขนาดใหญ่ พร้อมทั้งทุบทำลายรถยนต์ของน้องชายตนเองที่จอดหน้าบ้านจนพังเสียหายรอบคัน ขณะที่เมื่อ 4 วันที่ผ่านมา นายสุขสันต์ ได้ทำร้ายแบบเตะไม่ยั้งภายในบ้านที่ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกันอีกหมู่บ้านหนึ่ง ต่อหน้าลูกเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา ก่อนจะกลับมาพักฟื้นร่างกายที่บ้านพ่อแม่หลังนี้ เพื่อเตรียมไปตรวจพบแพทย์ และจะนำเป็นหลักฐานเข้าแจ้งความเอาผิดแต่ก็แจ้งไปแล้ว 3 ครั้งตำรวจบอกเป็นเรื่องภายในครอบครัว
" สามีก่อเหตุบ่อยครั้ง อยากแยกทางกับสามีแต่ฝ่ายชายไม่ยอม จะมาตามกลับไปที่บ้าน บังคับขู่เข็ญมาทุบมาตีทำลายข้าวของ เพราะติดยาเสพติดอย่างหนัก ซึ่งสามีมีอาชีพรับจ้างทั่วไป รับตัดไม้ส่งโรงงาง การขอแยกทางนั้นตนเองอยากขอแยกทางเพราะสามีคลั่งจากฤทธิ์ยาเสพติด หลอนคิดไปเองต่างๆนาๆ ตนเองจะทำงานอะไรก็ไม่ได้ ทั้งมีความหึงหวง บางวันคิดไม่อยากให้ตนเองไปก็จะไม่ให้ออกจากบ้านไปจนเสียงาน บางครั้งตามไปที่ทำงานอาละวาดใส่ ครั้งนี้การแจ้งความ เป็นครั้งที่ 4 ที่ผ่านมาจะถูกตีเป็นปัญหาครอบครัวโทษน้อย ถ้าไม่เสียค่าปรับก็จะติดคุก ไม่นานก็ออกมา ซึ่งเมื่อออกมายิ่งสร้างความเสียหายหนักขึ้น ตำรวจก็แนะนำว่าต้องรอความเสียหายสะสมเยอะๆจึงจะสามารถแจ้งข้อหาหนักได้ โดยเฉพาะบุกรุกยามวิกาล"
น.ส.ภิชยา กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้หนีออกมาได้ 4 วันเพราะถูกทำร้ายร่างกายต่อหน้าลูก และตอนนี้ลูกอยู่กับฝ่ายชาย ทั้งที่เรื่องลูกก็เป็นสิทธิ์ของแม่ แต่เหมือนถูกเอาลูกไปเป็นตัวประกันไม่ให้เราตอบโต้หรือป้องกันตัว ทุกครั้งสามีจะอุ้มลูกมาพร้อมอาวุธ บางครั้งเราจะใช้กำลังแต่ก็กลัวลูกโดนลูกหลง ซึ่งขณะนี้ได้ ปรึกษา ตำรวจหลายๆคน พยายามจะเข้ามาช่วยเพราะเป็นคดีครอบครัว และยังมีการไปละลานคนอื่นรอบตัวด้วย จนตำรวจจำได้ว่าเป็นนายสุขสันต์อีกแล้ว และคนที่ถูกละลานต้องย้ายบ้านนี้อย่างไรก็ตามการแจ้งความครั้งที่ 4 นี้ อยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุดไม่อยากให้มีการลดโทษ อยากให้ติดคุกนานๆไม่ต้องออกมา และอยากจะเลิกรากันตัดขาดกันไปตลอดชีวิต
ขณะที่ นายสายัณห์ พรหมภูมิวงศ์ อายุ 71 ปี พ่อ น.ส.ภิชยา กล่าวว่า ลูกเขยจะหงุดหงิดกระวนกระวายถ้าหากไม่ได้เสพยาเสพติด แต่ถ้าได้เสพยาก็จะปกติ ตอนนี้อยากให้ขาดกันไปเลย ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก สงสารหลานเป็นห่วงหลาน เพราะลูกเขยไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้ ครอบครัวลูกเขยก็ย้ายออกไปแล้ว และไม่รับรู้กับครอบครัวแล้วและ ทุกๆวันลูกเขยจะโทรมาข่มขู่และเข้ามาอาละวาด จนเกิดความเสียหายและหวาดผวา เพราะไม่รู้จะเข้ามาตอนไหนบ้าง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการขั้นเด็ดขาดเสียที