มารู้จัก 'ปราโบโว ซูเบียนโต' ว่าที่ ปธน.คนใหม่อินโดนีเซีย
ในที่สุด 'ปราโบโว ซูเบียนโต โจโยฮาดิกูซูโม' วัย 72 ปี หรือมีชื่อเรียกสั้นว่า 'ปราโบโว ซูเบียนโต’ รมว.กลาโหมของอินโดนีเซียคนปัจจุบัน ได้ออกมาประกาศชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2567
ผลการนับคะแนนแบบ Quick Count อย่างไม่เป็นทางการของหลายสำนักออกมาว่า ปราโบโว ได้คะแนนเสียงถึงประมาณ 57-59% ทิ้งห่างเหนือคู่แข่งคนสำคัญอีกสองคนอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ปราโบโว กำลังเข้าใกล้ความสำเร็จมีโอกาสจะชนะเลือกตั้ง ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซีย หลังจากเขาต้องพบกับความผิดหวัง พ่ายแพ้แก่ 'โจโก วิโดโด' ในการลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ผ่านมา ถึง 2 ครั้ง 2 หน
ปราโบโว เกิดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2434 ที่กรุงจาการ์ตา เขาเป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวน 4 ของครอบครัวที่ทรงอิทธิพลที่สุดครอบครัวหนึ่งในอินโดนีเซีย เพราะซูมิโตร โจโยฮาดิกูซูโม พ่อของปราโบโว เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียง และเป็นนักการเมืองซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวงในสมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีซูการ์โนและซูฮาร์โต ขณะที่ โดรา มาเรีย สีรีจาร์ แม่ของปราโบโว เป็นแม่บ้าน ซึ่งจบการศึกษาด้านการพยาบาลศัลยกรรมในเนเธอร์แลนด์
ปู่ของปราโบโว คือ มาร์โกโน โจโยฮาดิกูซูโม เป็นผู้ก่อตั้งธนาคารเนการา อินโดนีเซีย (Negara Indonesia) หรือ (BNI) ซึ่งเป็นธนาคารรัฐแห่งแรกของอินโดนีเซีย อีกทั้งปู่ของเขายังเป็นคนแรกที่ได้เป็นหัวหน้าสภาที่ปรึกษาสูงสุดของอินโดนีเซียอีกด้วย แต่สภาฯ แห่งนี้ได้ถูกยุบในปี 2546
จาการ์ตาโพสต์ สื่อภาษาอังกฤษในอินโดนีเซียรายงานว่า ปราโบโว ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในวัยเด็กในต่างประเทศ เนื่องจากพ่อของปราโบโวเกี่ยวข้องในรัฐบาลปฏิวัติแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Revolutionary Government of the Republic of Indonesia) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2501 เพื่อต่อต้านรัฐบาลกลางสมัยอดีตประธานาธิบดีซูการ์โน จึงทำให้ปราโบโวสามารถพูดได้หลายภาษาทั้งฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษและภาษาดัตช์
จากการที่ ปราโบโว เกิดมาในครอบครัวที่ทรงอิทธิพลครอบครัวหนึ่งในอินโดนีเซีย ทำให้เขาได้รับสิทธิพิเศษในการเดินตามความฝันมาโดยตลอด เพราะหลังจากจบการศึกษาจากสถาบันการทหาร (AKABRI)ในปี 2517 ได้ไม่นานนัก ปราโบโวได้เข้าเป็นทหารในกองทัพบกอินโดนีเซีย
เพียง 2 ปีต่อมา ปราโบโวได้รับเลือกให้อยู่ในกองกำลังพิเศษ ก่อนจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษ Kostrad ที่มีกำลังพล 27,000 ราย เมื่อปี 2541 ระหว่างเขาเป็นทหารในกองทัพนานถึง 28 ปี ปราโบโวมีผลงานทั้งด้านขาวและด้านดำ กระทั่งถูกปลดประจำจากกองทัพอย่างไม่สมศักดิ์ศรี หลังการปกครองในยุคระเบียบใหม่ของซูฮาร์โตล่มสลายในปี 2541
ปราโบโว ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษ ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในปาปัว และติมอร์ตะวันออก รวมทั้งการลักพาตัวนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยที่ต่อต้านซูฮาร์โตระหว่างปี 2540-2541 จนสูญหายหลายคน แต่ปราโบโวได้ปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด
เพียงสองเดือนหลังจาก ซูฮาร์โตถูกพลังประชาชนออกมาประท้วงขับไล่จนต้องยอมลงจากตำแหน่ง หลังจากเป็นประธานาธิบดีอินโดนีเซียยาวนานถึง 32 ปีในปี 2541 และในเดือนสิงหาคมปีนั้น ปราโบโว ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ยุติอาชีพทหาร และลี้ภัยตัวเองไปอยู่ในจอร์แดน
ปราโบโว เป็นนักการเมืองที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดในบรรดาผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2567 โดยมีการคาดประมาณทรัพย์สินเมื่อ 31 มีนาคม 2566 ว่า เขาครอบครองทรัพย์สินเป็นมูลค่ามหาศาลถึง 2 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 128 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,600 ล้านบาท คิดในอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 36 บาท)